รีวิวโปรแกรมการเทรดกองทุนที่ไม่แพง ปี 2024

แชร์สิ่งนี้:

บริษัทกองทุนที่ถูกที่สุด - Topstep

เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

บริษัทกองทุนที่มีราคาไม่แพง ได้แก่

  • Topstep - ดีที่สุดสำหรับนักเทรดทุกระดับประสบการณ์

  • SurgeTrader - ดีที่สุดสำหรับนักเทรดมืออาชีพ

  • FTMO - เงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุด

  • Elite Trader Funding - ดีที่สุดสำหรับการให้ทุนทางไกล

โปรแกรมนักเทรดกองทุนให้นักเทรดได้รับโอกาสในการเทรดและทำเงิน ทันทีที่คุณทำตามเป้าหมายสำเร็จ บริษัทจะแบ่งเงินให้กับคุณส่วนหนึ่งจากเงินที่คุณทำได้ วันนี้ Traders Union จะมาอธิบายเกี่ยวกับบัญชีของนักเทรดกองทุน รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด และว่าบัญชีไหนเป็นบัญชีที่ถูกที่สุด

ค่าใช้จ่ายของนักเทรดกองทุนคืออะไร?

โดยปกติ นักเทรดกองทุนจะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมรายเดือนจำนวนเล็กน้อยเพื่อรับข้อมูลแบบเรียลไทม์ และใช้บริการแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงบัญชีเทรด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกองทุนที่เลือก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้บริการ และค่าคอมมิชชั่น หลังจากที่คุณพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีทักษะการเทรดจริง คุณก็จะเข้าเทรดในบัญชีที่มีเงินทุนจริงได้

ทันทีที่คุณได้รับเงินทุนในการเทรด คุณสามารถเก็บส่วนแบ่งกำไรได้ 90% จากกำไรที่ทำได้ และขอให้กองทุนจ่ายเงินเข้าบัญชีปัจจุบันของคุณ ตัวอย่างโปรแกรมการเทรดกองทุนที่ได้รับความนิยมมากกว่า เช่น Topstep ซึ่งคิดค่าธรรมเนียม $495 ต่อสามเดือน หรือ $990 เป็นค่าสมาชิกระยะเวลา 6 เดือน และโปรแกรมอื่น ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายคล้าย ๆ กัน

4 อันดับบัญชีเทรดกองทุนที่ราคาถูกที่สุด

บัญชีเทรดกองทุนมีข้อดีหลายประการ บัญชีนี้ให้คุณเริ่มต้นเทรดได้โดยมีค่าใช้จ่ายไม่แพง หรือบางครั้งก็ให้เทรดได้ฟรี การได้รับใบอนุญาตต้องอาศัยเวลาและความพยายาม ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นเทรดหรือเพิ่งเริ่มทำงานให้กับตนเอง แต่เมื่อคุณลงทะเบียนเป็นนักเทรดกองทุน คุณได้รับอนุญาตและมีใบรับรองแล้ว คุณก็จะเริ่มเทรดได้ทันที ตอนนี้เรามารายละเอียดบัญชีเทรดกองทุน 3 อันดับแรกที่มีค่าใช้จ่ายถูกที่สุดกัน

1Topstep

Topstep เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นมาเสมอ มีบริการช่วยเหลือนักเทรดที่ยอดเยี่ยม และอัตราการจ่ายเงินที่ให้ส่วนแบ่งมาก โปรโมชันที่จัดอยู่ของ Topstep ถือว่าเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ดีที่สุดในวงการการเทรดฟอเร็กซ์ในขณะนี้

คุณสามารถเก็บเงิน 100% ของกำไรที่ทำได้จำนวน $5,000-$10,000 แรกของคุณ เมื่อคุณเริ่มต้นเทรด (ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีที่เลือก) นอกจากนี้ คุณจะยังได้ส่วนแบ่งกำไรอีก 90% ของเงินกำไรที่ได้หลังจากจำนวนดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนแบ่งที่สูงที่สุดในวงการ

นอกจากนี้ Topstep ได้ทำให้ขั้นตอนการสอบประเมินแบบสองรอบที่เรียกว่า Trader Combine เรียบง่ายขึ้น โดยเงื่อนไขในการเทรดขั้นตอนใน Step 2 นั้นถูกยกเลิกออกไป นักเทรดจึงสามารถสอบผ่านทั้งสองขั้นตอนได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์

ในการสอบผ่าน Trader Combine นั้น Topstep ให้เวลาไม่จำกัดให้นักเทรดทำกำไรให้ถึงเป้าหมาย จึงไม่สำคัญเลยว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไร แค่คุณระวังไม่ให้ขาดทุนเกินระดับที่กำหนด หรือ trailing drawdown เกินระดับที่กำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ในช่วงที่คุณกำลังสอบโปรแกรม Trader Combine คุณจะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่ทันทีที่คุณสอบผ่านและเป็นนักเทรดกองทุนเต็มตัวแล้ว ก็จะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้อีกต่อไป

2SurgeTrader

SurgeTrader คือ บริษัทกองทุนที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกระจายความเสี่ยงให้กับเงินลงทุนของคุณผ่านตัวเลือกสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ที่นี่ให้ส่วนแบ่งกำไร 75% กับนักเทรดที่ทำกำไรได้และปฏิบัติตามเงื่อนไขการเทรด

สิ่งที่ทำให้ SurgeTrader แตกต่างไปจากบริษัทกองทุนอื่น ๆ คือ ที่นี่มีการสอบแบบเฟสเดียวเท่านั้น โดยนักเทรดสามารถเลือกแพ็คเกจได้ทั้งหมด 6 แบบสำหรับนักเทรดทุกระดับประสบการณ์ ในแพ็คเกจเริ่มต้น หรือ Starter นักเทรดจะได้รับทุน $25,000 ทันทีและต้องทำกำไรให้ได้ 10% โดยต้องขาดทุนรวมไม่เกิน 5% แพ็คเกจเริ่มต้นนี้เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการบัญชีที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

แพ็คเกจแบบ Master จะได้รับเงินทุนในการเทรด $1 ล้านดอลลาร์ และส่วนแบ่งกำไร 75% เป้าหมายกำไรคือ 10% โดยกำหนดระดับการขาดทุนต่อวันต้องไม่เกิน 4% และการขาดทุนรวมแบบไม่เกิน 5% แผนนี้อาจเหมาะสำหรับคุณ หากคุณมีความรู้ความเชี่ยวชาญและมีความมั่นใจในตนเองสูง บริษัทนี้ยังให้บริการหลักทรัพย์ที่มีความหลากหลายครอบคลุม เช่น ทองคำ สกุลเงินคริปโต และดัชนีหุ้นยอดนิยม เป็นต้น

SurgeTrader คิดค่าธรรมเนียมในการสอบเริ่มต้นที่ $250 และสูงสุดคือ $6,500

3FTMO

FTMO เป็นบริษัทเทรดกองทุนที่เชื่อถือได้และให้ความสำคัญกับการเทรดฟอเร็กซ์ คุณต้องผ่านการสอบ 3 ขั้นตอนก่อนที่จะได้รับบัญชีเทรดกองทุนของที่นี่ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ก่อนที่คุณจะทำตามเป้าหมายกำไรได้สำเร็จ คุณจะต้องสอบผ่าน FTMO Challenge ภายใน 30 วัน

  • หลังจากนั้นจะเป็นเฟสสองที่เรียกว่า Verification Phase ระยะเวลา 60 วัน ซึ่งคุณจะต้องแสดงฝีมือให้ดูว่าคุณสามารถทำสำเร็จเหมือนกับ FTMO Challenge ได้อีกครั้ง

  • หลังจากที่คุณผ่านการประเมินสองขั้นตอนทั้ง FTMO Challenge และ Verification แล้ว FTMO จะส่งคำเชิญให้เทรดในบัญชีจริง โดยมีเงินทุนตั้งแต่ $10,000 ถึง $400,000

นักเทรดจะได้รับส่วนแบ่ง 80% ของเงินกำไร แต่สำหรับบัญชีที่มีเงินทุนแล้ว นักเทรดจะสามารถเพิ่มทุนตามแผนเพิ่มทุน (scaling plan) พิเศษเป็นสูงสุด 90/10 ได้ตามระดับบัญชีของตน เป็นวงเงินในบัญชีสูงสุด $2,000,000

ที่นี่สามารถเทรดได้ 44 คู่สกุลเงิน และ 10 สกุลเงินคริปโตที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด อีกทั้งยังมีดัชนี หุ้น CFDs และสินค้าโภคภัณฑ์ให้บริการ ค่าธรรมเนียมของ FTMO เริ่มต้นที่ 155 ยูโร และสูงสุด 1080 ยูโร

4Elite Trader Funding

คุณสามารถรับการประเมินการเทรดฟิวเจอร์แบบดีที่สุดด้วยการใช้หลักเกณฑ์การขาดทุนสะสมแบบค่าสุดท้ายของวัน (end-of-day drawdown) ผ่านโปรแกรม EOD ของ Elite Trader Funding ที่นี่มีโปรแกรมการสอบแบบขั้นตอนเดียว ซึ่งกำหนดการขาดทุนสะสมแบบ trailing drawdown รวม เพื่อให้นักเทรดมีทางเลือกที่มีราคาถูกกว่าเงื่อนไขจำกัด daily drawdown อื่น ๆ ภายใต้โซลูชั่นของ EOD

คุณสามารถลงทะเบียนเข้าสอบโปรแกรม Elite Trader Funding Fast Track โดยจะได้รับการขาดทุนสะสมสูงสุด $6,500 และมีค่าใช้จ่ายเพียง $150 เท่านั้น เมื่อคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนและสอบผ่านจนได้รับเงินทุนแล้ว คุณจะได้รับเงินฟรีอีก $160 ด้วย

โปรแกรม 25K Mini Track Evaluation มีราคาคือ $45 และมีเงื่อนไขว่าต้องเทรดอย่างน้อย 10 วันทำการ และ 14 วันปฏิทิน การเลือกโปรแกรมนี้จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ และมีทักษะที่พร้อมจะเดย์เทรดสัญญาฟิวเจอร์สอย่างมั่นใจ

Elite มีหลักเกณฑ์การประเมินการขาดทุนสะสม (drawdown) ที่ตายตัว ซึ่งก็เป็นไปตามชื่อที่เรียก ในส่วนการประเมินแบบที่สี่ การประเมินประเภทนี้จะไม่มี trailing drawdown หรือการขาดทุนสูงสุด แต่จะมียอดคงเหลือขั้นต่ำที่อนุญาตที่จะต้องคงไว้เท่าเดิม ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึง Elite Trader Funding มีค่าธรรมเนียมเริ่มตั้งแต่ $45 ถึง $655

มีบัญชีกองทุนฟรีหรือไม่?

บัญชีฟรีมีให้บริการสำหรับบริษัทกองทุน แต่อาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ บริษัทที่มีชื่อเสียงมักจะต้องมีเงื่อนไขให้นักเทรดต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อย

โปรแกรมเทรดกองทุนเป็นโปรแกรมที่มีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าหากคุณเลือกบริษัทที่เหมาะสมในการทำงานด้วย ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกบริษัทใด ๆ คุณต้องทำการศึกษาและไตร่ตรองให้ดีเสมอ

ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

โปรแกรมการเทรดกองทุนที่ราคาไม่แพงอาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักเทรดที่มีความฝัน ให้นักเทรดสามารถเข้าถึงเงินทุนได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี นักเทรดจะต้องใช้ความระมัดระวังและศึกษารายละเอียดเป็นอย่างดีในการเลือกโปรแกรมที่จะสอบกองทุน บางโปรแกรมอาจมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือข้อจำกัดหรือเงื่อนไขที่จำกัดความสามารถในการทำกำไร สิ่งสำคัญคือจะต้องประเมินข้อกำหนดของโปรแกรม จำนวนเงินทุนที่จะได้รับ อัตราการแบ่งสรรกำไร และกฎการบริหารความเสี่ยงก่อนที่จะเลือกใช้บริการ โปรแกรมเทรดกองทุนที่มีราคาถูกและผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีจะเป็นการปูทางที่ดีไปสู่อาชีพนักเทรดกองทุน แต่การตัดสินใจที่ไม่ดีก็อาจนำไปสู่การถอยหลังอย่างไม่จำเป็นได้

Andrey Mastykin

Andrey Mastykin

ผู้เขียน, ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่ Traders Union

คำถามที่พบบ่อย

ฉันสามารถเป็นนักเทรดกองทุนได้หรือไม่?

โดยทั่วไป บริษัทมักตั้งเงื่อนไขให้มีการสอบประเมิน (evaluation) เพื่อประเมินทักษะของนักเทรด นักเทรดที่ทำตามเป้าหมายกำไรได้สำเร็จจะได้รับบัญชีเทรดของกองทุน บางกองทุนอาจให้บัญชีจริงทันที แต่ก็จะแลกมากับค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมที่แพงกว่า

นักเทรดกองทุนฟิวเจอร์สไหนดีที่สุด?

นักเทรดกองทุนฟิวเจอร์สที่ดีที่สุดล้วนขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดส่วนบุคคลและผลงานการเทรดของตน บางบริษัทกองทุนให้โครงสร้างการจ่ายเงินกำไรที่มีศักยภาพแข่งขันสูง แต่ความสำเร็จนั้นย่อมขึ้นอยู่กับทักษะการเทรดและการบริหารความเสี่ยงของนักเทรด

โปรแกรมเทรดกองทุนเชื่อถือได้ไหม?

โปรแกรมเทรดกองทุนนั้นเชื่อถือได้ แต่นักเทรดต้องระมัดระวังและทำการศึกษาโปรแกรมโดยละเอียดก่อนเข้าร่วม โปรแกรมที่น่าเชื่อถือโดยทั่วไปมักมีเงื่อนไขที่ชัดเจน มีแนวทางการบริหารความเสี่ยง และประวัติการจ่ายเงินกำไรให้กับนักเทรด

บัญชีกองทุนคุ้มค่าหรือไม่?

บัญชีเทรดกองทุนอาจคุ้มค่าสำหรับนักเทรดที่อยากเข้าถึงเงินทุนโดยไม่มีเงินทุนเริ่มต้นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ความคุ้มค่านั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดของโปรแกรมที่เทรด เช่น ข้อตกลงเรื่องส่วนแบ่งกำไร และกฎการบริหารความเสี่ยง

อภิธานศัพท์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

  • 1 การบริหารความเสี่ยง

    การบริหารความเสี่ยงเป็นรูปแบบการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุด เครื่องมือการจัดการความเสี่ยงหลักคือ Stop Loss, Take Profit, การคำนวณปริมาณตำแหน่งโดยพิจารณาจากเลเวอเรจและมูลค่า pip

  • 2 ทำกำไร

    คำสั่ง Take-Profit คือคำสั่งการซื้อขายประเภทหนึ่งที่สั่งให้นายหน้าปิดสถานะเมื่อตลาดถึงระดับกำไรที่ระบุ

  • 3 ดัชนี

    ดัชนีในการซื้อขายคือการวัดผลการดำเนินงานของกลุ่มหุ้น ซึ่งอาจรวมถึงสินทรัพย์และหลักทรัพย์ในกลุ่มนั้นด้วย

  • 4 สัญญาฟิวเจอร์ส

    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นข้อตกลงทางการเงินที่เป็นมาตรฐานระหว่างทั้งสองฝ่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หรือเครื่องมือทางการเงิน ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในวันที่ระบุในอนาคต สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามักใช้ในตลาดการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา เก็งกำไรการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต หรือได้รับความเสี่ยงจากสินทรัพย์ต่างๆ

  • 5 การกระจายความเสี่ยง

    การกระจายความเสี่ยงเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ อุตสาหกรรม และภูมิภาคต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม

ทีมงานที่จัดทำบทความนี้

Oleg Tkachenko
ผู้เขียนและผู้เชี่ยวชาญของ Traders Union

Oleg Tkachenko เป็นนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์และผู้จัดการความเสี่ยง ผู้ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานในสถาบันการเงินอย่างแท้จริงมานานกว่า 7 ปี Oleg เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ตลาดหุ้น และตลาดการลงทุนที่ไม่เข้ามาตรฐาน (สกุลเงินดิจิทัล, HYPES, P2P Lending) เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากสถาบัน Ukrainian Academy of Banking of the National Bank of Ukraine, Kharkiv Banking Institute เขาเริ่มงานเป็นผู้เขียนของ Traders Union ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 และในปี ค.ศ. 2020 เขาได้เข้าร่วมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของ Traders Union

Oleg มีส่วนร่วมใน Traders Union ในการวิเคราะห์บริษัทโบรกเกอร์ต่าง ๆ และเฝ้าตรวจสอบความเกี่ยวเนื่องของข้อมูลนั้นๆ เขาสามารถวิเคราะห์กลยุทธ์และตัวชี้วัดในการเทรด และจัดเตรียมบทความให้ความรู้ในหัวข้อการเงิน นอกจากนี้ Oleg ยังเป็นนักวิจัยที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้น รวมถึงตลาดไบนารีอ็อปชันและตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เขาตรวจสอบบริษัทโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผลการดำเนินงาน การเติบโตของธุรกิจ และทดลองใช้บริการใหม่ ๆ ที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์เหล่านั้น เช่น ซอฟต์แวร์ ระดับการให้บริการของฝ่ายสนับสนุนลูกค้า เป็นต้น

Oleg มีคติประจำใจว่า “ข้อมูล คือ พลังอำนาจ ซึ่งจะมอบโอกาสได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ต้องมาพร้อมกับความเกี่ยวเนื่องกัน”

Kate Stoytschew
บรรณาธิการภาคภาษาไทย

เคท สโตยเชฟ เป็นบรรณาธิการคนไทยที่ Traders Union เธอเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ความหลงรักในภาษาพาเธอมาพบกับอาชีพเสริมในฐานะนักแปลภาษาไทยและอังกฤษ จนผันตัวมาเป็นงานหลักที่เธอชื่นชอบ “ฉันสนใจในเรื่องการเงินและการลงทุนมาโดยตลอด ส่วนใหญ่จึงมักแปลงานหรือเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเงิน การเทรดสัญญา CFDs และคริปโต” นอกจากความชอบในภาษาต่างประเทศแล้ว เธอยังสนใจในเรื่องประเด็นสังคมและการเมืองอีกด้วย เธอชอบใช้เวลาว่างกับครอบครัว ปรุงอาหารอร่อย ๆ และพยายามฝึกทักษะภาษาเยอรมัน

Mirjan Hipolito
ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตและหุ้น

Mirjan Hipolito เป็นนักเขียนและบรรณาธิการข่าวที่ Traders Union เธอเป็นนักเเขียนที่เชี่ยวชาญเรื่องคริปโต มีประสบการณ์มากกว่าห้าปีในตลาดการเงิน เธอมีความชำนาญในการเขียนข่าวสารตลาดรายวัน การคาดการณ์ราคา และเรื่องการระดมทุนเพื่อเสนอขายเหรียญดิจิทัลใหม่ (ICO)