โปรแกรมที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดกองทุนปี 2024
เมษายน 03, 2024
บัญชีเทรดกองทุนที่ดีที่สุดคือ Topstep
บัญชีนักเทรดกองทุนที่ดีที่สุด ได้แก่
-
Topstep - เด่นด้านกลยุทธ์เดย์เทรด
-
SurgeTrader - สอบแค่เฟสเดียวเท่านั้น
-
FTMO - บริษัทเทรดกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการเทรดฟอเร็กซ์
-
Elite Trader Funding - การให้เงินทุนทางไกลที่ดีที่สุด
-
OneUp Trader Funding - การเทรดแบบไร้ความเสี่ยงที่ดีที่สุด
ข้อดีของบัญชีเทรดกองทุนมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้ทำในสิ่งที่คุณรัก และทำเงินได้โดยไม่ต้องนำเงินทุนของตนเองไปเสี่ยง แต่คุณจะเลือกโปรแกรมที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดกองทุนได้อย่างไร? เราจะมารีวิวผู้ให้บริการและข้อดีข้อเสียของกองทุนแต่ละเจ้าให้คุณได้พิจารณา
โปรแกรมการเทรดกองทุนคืออะไร?
ด้วยโปรแกรมนักเทรดกองทุน นักเทรดจะมีโอกาสเทรดด้วยเงินทุนของบริษัทกองทุน คุณและบริษัทกองทุนจะแบ่งกำไรร่วมกันที่คุณทำได้จากบัญชีจริง
อุตสาหกรรมการเทรดเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้น ซึ่งหลายคนพยายามที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมในแต่ละวัน แต่มันไม่ใช่แค่การเข้าใจเรื่องพื้นฐานเท่านั้น การจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยการเข้าใจว่าจะบริหารเงินของคุณได้อย่างไรด้วย
การเรียนรู้ทักษะการเทรดและกลยุทธ์ต่าง ๆ ออนไลน์และการเป็นนักเทรดที่ทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น แต่หลายคนไม่มีเงินทุนเริ่มต้นที่มากพอที่จะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำได้จากการเทรด
โปรแกรมนักเทรดกองทุนให้แหล่งข้อมูลความรู้ สัมมนาออนไลน์ และความช่วยเหลือแก่นักเทรด เพื่อช่วยในการเตรียมความพร้อมกับการเทรดเพิ่มเติมไปจากการให้เงินทุน ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการมีแพลตฟอร์มเทรดที่มีคุณภาพสูง และบริษัทพาร์ทเนอร์ที่นำเสนอบัญชีกองทุนที่มีคุณภาพสูงสุด
บัญชีนักเทรดกองทุนมีข้อดีเรื่องความเสี่ยงที่ลดลง ข้อมูลแบบเรียลไทม์และแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์พร้อมให้บริการด้วยค่าธรรมเนียมรายเดือนจำนวนไม่มาก ทันทีที่คุณพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณมีทักษะที่กำหนดแล้ว คุณก็จะเข้าถึงบัญชีเงินทุนได้ เมื่อได้รับเงินทุน คุณสามารถรับส่วนแบ่งกำไรได้สูงสุด 90% ของกำไรที่คุณทำได้จากการเทรด
👍 ข้อดีของบัญชีเทรดกองทุน:
• นักเทรดกองทุนมีข้อดีคือ มีอิสระในการใช้เงินทุนที่จัดสรรให้ในบัญชีตามที่ตนเองคิดว่าเหมาะสม
• นักเทรดกองทุนสามารถเข้าถึงเงินทุนจำนวนมากขึ้นได้ทันที เพื่อเปิดคำสั่งขนาดใหญ่กว่านักเทรดที่ไม่มีเงินทุน
• ในฐานะนักเทรดกองทุน คุณจะได้รับการคุ้มครองในระดับหนึ่ง เนื่องจากคุณไม่ได้ใช้เงินของตนเอง
• การรับใบอนุญาตและสอบกองทุนให้ผ่านแต่ละโปรแกรมอาจเป็นงานที่ท้าทายสำหรับนักเทรดมืออาชีพและนักเทรดรายย่อย เมื่อคุณได้เป็นนักเทรดกองทุนเต็มตัว คุณจะได้รับใบอนุญาตและใบเกียรติบัตรเพื่อสามารถเริ่มเทรดได้ทันที
• แทนที่จะมีเงื่อนไขให้ต้องทำงานจากออฟฟิศ โปรแกรมการเทรดกองทุนส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณเทรดจากที่ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต
👎 ข้อเสียของบัญชีเทรดกองทุน:
• แม้ว่าจะมีอิสระในการใช้งาน นักเทรดกองทุนจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎและระเบียบที่กำหนดภายใต้การรับเงินทุนของบริษัท ตัวอย่างกฎเหล่านี้ ได้แก่ วงเงินขาดทุนสูงสุดต่อวัน ขนาดสูงสุดของคำสั่ง และเงื่อนไขอื่น ๆ
• การเป็นนักเทรดกองทุนก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน โดยเฉพาะหากคุณยังขาดความรู้หรือความเชี่ยวชาญ และเข้าร่วมโปรแกรมทันที
• มีโอกาสที่กำไรที่คุณได้รับจะต่ำกว่าที่คาดหวังในช่วงไม่กี่ปีแรกในการเทรดกับบริษัทกองทุนบางแห่ง เพราะบางบริษัทคิดค่าธรรมเนียมจำนวนมากกับนักเทรดกองทุน
โปรแกรมเทรดกองทุนที่ดีที่สุด 2024
1 TopStep
ด้วยแบรนด์ที่ทรงพลังและชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในวงการ และหนึ่งบริษัทที่เติบโตรวดเร็วที่สุด 5000 อันดับแรกในสหรัฐฯ (Inc 5000) Topstep จึงได้รับความไว้วางใจจากนักเทรดมากมาย นักเทรดสามารถเข้าร่วมในโปรแกรมของกองทุนได้โดยเริ่มต้นจากแผน Trading Combine คุณสามารถเปิดบัญชีจำลองการเทรดฟิวเจอร์สแบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยเงินทดลองในบัญชีตั้งแต่ $150K, $200K หรือ $300K
ในช่วง Trading Combine คุณสามารถรับพอร์ตจริงได้ ถ้าคุณแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ และการบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม การใช้เงินทุนของ Topstep คุณจะสามารถเทรดแบบเรียลไทม์ได้โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงทางการเงินด้วยตนเอง แต่ใช้เงินทุนที่ได้รับจาก Topstep แทน
-
นักเทรดมีสิทธิ์รับพอร์ตจริงได้เร็วสุดภายใน 8 วันที่เทรด (จำนวนเงินทุนที่ได้รับขึ้นอยู่กับแผน Trading Combine ที่เลือก)
-
กำไร $5,000 แรกที่คุณได้รับ จะสามารถถอนออกมาได้เต็มจำนวน และหลังจากนั้นสามารถถอนเงิน 90% ของเงินกำไรที่ได้
-
ที่ Topstep คำสั่งขอถอนเงินจะดำเนินการวันต่อวัน (คำสั่งขอถอนเงินที่ส่งเข้ามาก่อนเวลา 10:00 น. ตามเวลากลาง CT หรือ 23:00 น. ตามเวลาไทย จะดำเนินการแล้วเสร็วในวันเดียวกัน)
-
บริการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาตนเองให้กับนักเทรด ได้แก่ คำแนะนำจากนักเทรดมืออาชีพ เครื่องมือ และวิดีโอไลฟ์รายวัน ประกอบกับการวิเคราะห์แบบส่วนตัวเกี่ยวกับผลงานการเทรดและโบนัสสำหรับนักเทรด
แพลตฟอร์มเทรดที่รองรับ ได้แก่ TSTrader, TradingView, NinjaTrader, Sierra Chart, MultiCharts, R|Trader Pro และอีกมากมาย
สำหรับบัญชี $50k Topstep มีค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ $165 ต่อเดือน บัญชีขนาด $100K มีค่าธรรมเนียม $325 ต่อเดือน และ $150k มีค่าธรรมเนียม $375 รวมถึงยังมีการทดสอบฟรีให้บริการเป็นเวลา 14 วัน
2 SurgeTrader
SurgeTrader นำเสนอส่วนแบ่งกำไร 75% ให้กับนักเทรดกองทุนที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเทรดได้สำเร็จ นี่เป็นบริษัทกองทุนที่เพอร์เฟ็คในการกระจ่ายความเสี่ยงให้กับพอร์ตของคุณ เพราะมีสินทรัพย์หลากหลายประเภทให้เลือกเทรด SurgeTrader มีการสอบแค่หนึ่งเฟสเท่านั้น ซึ่งแตกต่างไปจากบริษัทกองทุนอื่น ๆ ที่มักกำหนดเงื่อนไขให้นักเทรดต้องผ่านการสอบประเมินหลายรอบ
นักเทรดสามารถเลือกแพ็คเกจ 6 แบบด้วยกัน โดย Starter Package ให้คุณได้รับเงินทุนทันที $25,0000 และมีเป้าหมายกำไรกำหนดไว้ที่ 10% โดยอนุญาตให้ขาดทุนสะสมสูงสุดแบบเคลื่อนที่ (maximum trailing drawdown) ที่ 5% โปรแกรม Starter Package ยังเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเทรดแบบเสี่ยงสูงมากเกินไป ส่วนโปรแกรม Master Package เป็นโปรแกรมบัญชีระดับสูงสุด ซึ่งให้เงินทุน $1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และให้ส่วนแบ่งกำไร 75% กำหนดเป้าหมายกำไรที่ 10% การขาดทุนรวมต่อวันต้องไม่เกิน 4% และขาดทุนสะสมแบบ maximum trailing drawdown ต้องไม่เกิน 5% หากคุณมีความมั่นใจสูงในความสามารถของตนเอง แพ็คเกจนี้ก็อาจเหมาะสำหรับคุณ
บริษัทกองทุนนี้นำเสนอตราสารการเทรดที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคริปโตและทองคำ รวมถึงดัชนีหุ้นยอดนิยม และสามารถใช้เลเวอเรจได้สูงสุด 1:10
บริษัทเทรดกองทุนชั้นนำอย่าง SurgeTrader กำหนดให้ลูกค้าทุกรายจะต้องผ่านการสอบประเมิน โดยคุณจะสอบแค่เฟสเดียวเท่านั้นในขั้นตอน SurgeTrader Audition และไม่จำเป็นต้องทำเงินได้เกิน $10 ในบัญชีเพื่อผ่านการสอบประเมิน
ค่าธรรมเนียมในการสอบประเมินมีตั้งแต่ $200 ถึง $6,500 ต่อบัญชี โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งที่คุณสามารถสอบกองทุน คุณสามารถใช้บัตรเครดิต/เดบิตและ PayPal เพื่อทำการชำระเงินและถอนเงิน
3 FTMO
FTMO คือบริษัทเทรดกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการเทรด Forex และคว้ารางวัลมากมายในวงการ นักเทรดของ FTMO ได้รับเงินกว่า $23,000,000 ในปี 2021 โดยระยะเวลาการชำระเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ชั่วโมง
คุณจะต้องผ่านสามขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อมีสิทธิ์รับบัญชีกองทุนของ FTMO
-
คุณจะต้องเทรดตามเป้าหมายกำไรที่กำหนดใน FTMO Challenge ให้สำเร็จภายใน 30 วัน
-
ทันทีที่คุณผ่าน FTMO Challenge เรียบร้อยแล้ว คุณจะเข้าสู่การสอบรอบ Verification โดยมีระยะเวลาให้ 60 วัน
-
FTMO ให้พอร์ตขนาดตั้งแต่ $10,000 ถึง $400,00 ซึ่งคุณจะได้รับหลังจากผ่านขั้นตอนการสอบกองทุนแบบสองเฟส คือ Challenge และ Verification แล้ว
-
นักเทรดสามารถเก็บส่วนแบ่งกำไรได้ 80% ตามอัตราส่วนแบ่งกำไร 80:20 นอกจากนี้ บัญชีเงินทุนที่มีขนาดตั้งแต่ $2,000,000 ขึ้นไป นักเทรดจะได้รับตัวเลือกให้เพิ่มส่วนแบ่งกำไรเป็น 90:10 ด้วยแผนเพิ่มทุนที่เรียกว่า Scaling Plan
คุณสามารถเทรด 44 คู่เงิน และ 10 สกุลเงินคริปโต คุณยังสามารถเทรดหุ้น CFDs สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีได้ด้วย
FTMO มีความโดดเด่นในเรื่องการเทรดค่าเงิน ส่วน Topstep โดดเด่นเรื่องการเทรดฟิวเจอร์ส
มีการทดสอบฟรีให้บริการในแพลตฟอร์มเทรดยอดนิย ได้แก่ MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ cTrader
นักเทรดจะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมแบบครั้งเดียวเพื่อเข้าร่วม FTMO Challenge โดยสามารถเติมเงินในบัญชีด้วยสกุลเงิน USD, GBP, EUR, CZK, CAD, AUD หรือ CHF แต่ชำระเงินค่าธรรมเนียมการสอบเป็นเงินยูโรเท่านั้น สำหรับบัญชีขนาด $10k ค่าธรรมเนียมการสมัครเริ่มต้นที่ 155 EUR สำหรับบัญชีขนาด $25k ค่าธรรมเนียมคือ 250 EUR สำหรับบัญชี $50k ค่าธรรมเนียมคือ 345 EUR สำหรับบัญชีขนาด $100k ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 540 EUR และสำหรับบัญชีขนาด $200k ค่าธรรมเนียมคือ 1,080 EUR
4 Elite Trader Funding
โปรแกรม EOD ของ Elite Trader Funding ให้คุณได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการสอบการเทรดฟิวเจอร์ด้วยการขาดทุนสะสมแบบคิดคำนวณในช่วงตอนท้ายของวัน การสอบแบบขั้นตอนเดียวโดยคิดการขาดทุนสะสมรวมแบบ trailing drawdown เพียงอย่างเดียวเป็นตัวเลือกที่มีราคาไม่แพงสำหรับนักเทรดที่ต้องการจะหลีกเลี่ยงข้อจำกัดวงเงินขาดทุนสะสมต่อวันของโปรแกรม EOD
หากคุณเป็นนักเทรดที่ชอบเสี่ยงและกำลังสนใจในโปรแกรมของ Elite Trader Funding คุณสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าสอบใน Elite Trader Funding Fast Track ซึ่งคุณจะสามารถรับวงเงินขาดทุนรวมเพิ่มเป็น $6,500 ได้ด้วงค่าสมัครสอบเพียง $150 เท่านั้น อีกทั้ง คุณยังจะได้รับ Free Data $160 ทันทีที่คุณมีสิทธิ์รับพอร์ตจริง
โปรแกรม $25K Mini Track Evaluation มีค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ $45 และจะต้องสอบให้ผ่านภายในสูงสุด 14 วันทำการ และกำหนดวันขั้นต่ำในการเทรดคือ 10 วัน (ไม่มีเวลามาก) ตัวเลือกนี้เหมาะกับนักเทรดผู้ชำนาญที่มีความมั่นใจและความเชี่ยวชาญสูงในการเดย์เทรดสัญญาฟิวเจอร์ส
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ Free Data Specials ในการสอบพอร์ตขนาด $100K และ $250K และสามารถรีเซ็ตหรือสอบใหม่ได้สำหรับ EOD และ 1step แต่ไม่สามารถทำได้ในโปรแกรม Fast Track ในส่วนโปรแกรมการสอบประเภทที่ 4 Elite ให้โปรแกรม Static Drawdown Evaluations ซึ่งเป็นการสอบที่ให้ระดับการขาดทุนสูงสุดแบบตายตัว โดยไม่มีการคิดแบบ trailing drawdown ที่สำคัญก็คือ ยอดคงเหลือขั้นต่ำที่อนุญาตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
5 OneUp Trader Funding
ประสบการณ์กว่าสิบปีช่วยให้ OneUp Trader เป็นหนึ่งในบริษัทเทรดกองทุนที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการรับทุนในบัญชี โปรแกรมนี้ส่งเสริมความมีอิสระ โดยการสนับสนุนให้ใช้แนวทางที่หลากหลายในการตัดสินใจในการเทรด
นอกเหนือไปจากเอกลักษณ์พิเศษแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังมอบความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก โปรแกรมนี้เอื้อต่อการเรียนรู้มากกว่าโปรแกรมอื่น ๆ ที่มักตั้งเงื่อนไขให้นักเทรดต้องทำตามเป้าหมายการเทรดที่เป็นจริงได้ยาก
ในฐานะสมาชิก OneUp คุณจะรู้สึกถึงการเป็นสมาชิกในครอบครัวใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง
อีกทั้ง คุณยังตัดสินใจได้ด้วยว่าคุณต้องการจะแบ่งกำไรอย่างไร โดยมีตัวเลือกการแบ่งสรรกำไรสองแบบคือ 50-50 และ 80-20
นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมก็ไม่แพงมาก โดยเฉพาะหากคุณเลือกแบ่งกำไรแบบ 50-50 ซึ่งคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม $95 ต่อเดือนสำหรับบัญชีขนาด $25K ในขณะที่ค่าธรรมเนียมต่อเดือนของบัญชี $25K แต่เลือกรับส่วนแบ่งกำไร 80% อยู่ที่ $125 ต่อเดือน
6 Try Day Trading
การเทรดฟอเร็กซ์กับ Try Day Trading มีความแตกต่างไปจากโปรแกรมการเทรดของกองทุนอื่น ๆ Try Day Trading ไม่ใช่แค่ให้เงินทุนกับคุณเท่านั้น พวกเขายังให้คำแนะนำผ่านการเรียนการสอนเป็นคอร์สตลอด 12 สัปดาห์เต็มด้วย
คอร์สนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมให้คุณประสบความสำเร็จได้ทันทีหลังจากที่เริ่มเทรดด้วยเงินจริง การทำความรู้จักกับวัฒนธรรมการเทรดของบริษัทก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในความสำเร็จเช่นกัน
Try Day Trading เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 2008 และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โปรแกรมการฝึกอบรมแบบตัวต่อตัวที่เรียกว่า Trader Executive เปิดให้บริการในปี 2016 ประกอบด้วยการฝึกอบรมแบบส่วนตัวที่สำนักงานในเมืองเลไฮ รัฐยูทาห์ สหรัฐฯ
หลังจากผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมแล้ว นักเรียนสามารถรับบัญชีเงินทุนมูลค่าสูงสุด $100,000 และเก็บกำไรได้ในอัตรา 80%
7 Earn2Trade
ด้วยค่าธรรมเนียม $150 ต่อเดือน Earn 2 Trade ให้บริการบัญชี Gauntless Mini เริ่มต้นที่ $25K ส่วนถ้าคุณเลือกตัวเลือก $350 ต่อเดือน คุณสามารถรับบัญชีได้สูงสุด $150K
ในช่วงเริ่มต้น คุณอาจอยากเริ่มจากตัวเลือกค่าธรรมเนียม $150 ต่อเดือนดูก่อนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเทรดให้กับตนเอง ภายในหนึ่งเดือน คุณอาจปรับขึ้นมาเป็น $1750 หรือสูงกว่าตามโปรแกรมให้คำปรึกษาที่คุณเลือกรับบริการ
วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมไปกับการอัปเกรดบัญชีเป็นตัวเลือก $350 ต่อเดือน
นอกจากนี้ เมื่อผ่านขั้นตอนการสอบกองทุนแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงบัญชีพาร์ทเนอร์กองทุน ซึ่งในระหว่างการสอบคุณจะได้รับสิทธิพิเศษ ได้แก่
-
คอร์สสรุปสำหรับผู้เริ่มต้นที่ปกติมีราคา $249
-
การเข้าถึงโปรแกรมจำลองการเทรด
-
การเข้าถึง Journalytix
8 Maverick Trading
ในโลกการเทรด แน่นอนว่า Maverick เป็นบริษัทชั้นนำอันดับต้น ๆ คุณสามารถเริ่มต้นเทรดกับ Maverick ได้แม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์ไม่มาก เพราะมีบริการการใช้ที่ปรึกษาแบบมืออาชีพและการใช้หุ่นยนต์ที่ปรึกษาในการเทรดยอดนิยม
ในทุกวันทำการ Maverick จะให้บริการสัมมนาและบทเรียนออนไลน์ คุณสามารถพัฒนาทักษะของคุณโดยใช้บทเรียนและสัมมนาออนไลน์ในช่วงชั่วโมงทำการได้
ที่ Maverick คุณสามารถเทรดออปชั่น หุ้น และ Forex ในฐานะนักเทรดมือใหม่ คุณสามารถพึ่งพาความช่วยเหลือ เทคโนโลยี และบทเรียนเพื่อฝึกอบรมของ Maverick ได้
เมื่อคุณพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณเป็นนักเทรดที่เชื่อถือฝีมือได้ Maverick จะเชิญให้คุณมาร่วมทีมและให้เงินทุนสนับสนุนคุณทันที จำนวนเงินทุนที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรในการเทรดของคุณ
หากคุณมองว่าตนเองเป็นนักเทรดที่เทรดประจำ อย่าพลาดโอกาสในการรับเงินทุนแบบทันทีและส่งเสริมการพัฒนาตนเองของ Maverick
นักเทรด Maverick ส่วนใหญ่จะใช้บริการ ThinkorSwim ในการสอบกองทุน อย่างไรก็ตาม หลายคนมักเลือกใช้โบรกเกอร์ Interactive Brokers สำหรับบัญชีจริง เพราะว่า Interactive Brokers มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายกว่า
ในช่วงเฟสการสอบประเมิน โปรแกรม Forex ก็ใช้แพลตฟอร์มเทรดของ Interactive Brokers เช่นกัน โดยแนวทางการสอนของ Maverick แตกต่างไปจากโปรแกรมอื่น ๆ อยู่มาก เพราะมีประสิทธิภาพและมีเนื้อหาครอบคลุมมากกว่า แต่ก็ราคาแพงกว่าด้วยเช่นกัน การเข้าร่วมในโปรแกรมออปชั่นจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ $7,000 และเข้าร่วมโปรแกรมฟอเร็กซ์จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ $4,000
9 E8 Funding
E8 Funding เพิ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยซีอีโอชื่อ Dylan Elchami ไม่นาน E8 Funding ก็กลายเป็นดาวรุ่ง “ใหม่ล่าสุด” ในวงการบริษัทกองทุนเจ้าใหญ่ บริษัทนี้ใช้แพลตฟอร์ม MetaTrader4 และ 5 เป็นซอฟต์แวร์เหมือนกับบัญชีซื้อขายอื่น ๆ
นักเทรดในแพลตฟอร์มจะเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต ฟอเร็กซ์ และหุ้น เลเวอเรจสูงสุดคือ 1:100 โดยมีจำนวนเงินฝากเริ่มต้นสูงสุด $300,000 (เพิ่มทุนได้จนถึง $1.0 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) และขนาดบัญชีมีให้ตั้งแต่ $25,000 และ $100,000
E8 มีการสอบแบบสองเฟส ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องสอบให้ผ่านจะเริ่มเทรดในพอร์ตจริง ถึงแม้ว่ามันอาจจะฟังดูเป็นความท้าทายอยู่บ้าง ข่าวดีก็คือเมื่อคุณสอบผ่านขั้นตอนการประเมินแล้ว คุณจะเริ่มเทรดได้ทันทีในวันเดียวกัน!
แพลตฟอร์มให้บริการบัญชีสองประเภทคือ บัญชีคลาสสิก E8 และแบบพรีเมี่ยม ELEV8 ในส่วนบัญชี E8 นักเทรดจะได้รับเงินทุนต่อเมื่อผ่านขั้นตอนการประเมินแล้วเท่านั้น และจะได้รับส่วนแบ่งกำไร 80%
ในขณะที่บัญชีแบบ ELEV8 นักเทรดจะได้รับเงินทุนจริงทันที และสามารถรับกำไรได้ 90% จากกำไรที่ทำได้ นอกจากนี้ นักเทรดที่มีบัญชี ELEV8 ยังได้รับสิทธิประโยชน์คือขนาดบัญชีจะเพิ่มขึ้น $100,000 ให้ทุก ๆ 30 วัน หากทำตามเป้าหมายกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับบัญชีเริ่มต้น จำนวนเงินฝากเริ่มต้นสูงสุดและเป้าหมายกำไร (ที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 30 วัน) คือ $2,000 ในขณะที่การขาดทุนลอยตัวต่อวันและการขาดทุนรวมต้องไม่เกิน $1250 เป้าหมายเหล่านี้ รวมถึงการขาดทุนสูงสุดและสะสมนั้นจะแตกต่างกันไปตามบัญชีแต่ละขนาด
10 The 5%ers
เมื่อเปรียบเทียบกับโปรแกรมอื่น ๆ ในรายชื่อนี้แล้ว The5%ers ใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง กองทุน The5%ers ให้สมาชิกสามารถเทรดเงินจริงในบัญชีเทรดได้
ตราสารที่สามารถเทรดได้ ได้แก่ คู่ Forex หลัก เช่น EUR/USD, USD/CHF ฯลฯ
และคู่รองอย่าง AUD/CAD และ GBP/JPY เป็นต้น โปรแกรม Level 1 กำหนดให้นักเทรดทุกคนต้องทำตามเป้าหมายกำไรให้สำเร็จที่ระหว่าง 10% และ 25%
เมื่อทำตามเป้าหมายกำไรสำเร็จตามกฎที่วางไว้แล้ว โปรแกรม Level 1 จะถูกปิดลง ในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้จัดการพอร์ต คุณจะได้รับกำไรตามส่วนแบ่งกำไรและบัญชีเทรดใหม่จะเปิดขึ้นมาเพื่อให้คุณได้เทรดในระดับถัดไป
ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างบัญชีเทรดของที่นี่และที่อื่นคือความง่ายในการใช้งาน ส่วนแบ่งกำไรของ The5%ers อยู่ที่ 50:50 ระหว่าง The5%ers และสมาชิก แปลว่านักเทรดเก็บส่วนแบ่งกำไรได้ครึ่งหนึ่งจากที่ทำได้
แต่ละโปรแกรมจะเทรดบนแพลตฟอร์มเทรด MetaTrader 5 โดยมีค่าธรรมเนียมการใช้บริการตั้งแต่ $275 ถึง $875
เปรียบเทียบโปรแกรมการเทรดกองทุน
สำหรับการรีวิวภาพรวมโปรแกรมการเทรดกองทุนฉบับรวบรัด เราได้จัดทำตารางที่เน้นประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
เหมาะที่สุดสำหรับ | ระยะเวลาทดสอบ | การแบ่งกำไร | ค่าธรรมเนียม | ตลาด | |
---|---|---|---|---|---|
เดย์เทรดเดอร์ |
14 วัน |
100% |
$495 สำหรับค่าสมาชิก 3 เดือย, $990 สำหรับค่าสมาชิก 6 เดือน |
ฟิวเจอร์ส |
|
นักเทรดมืออาชีพ |
ขึ้นอยู่กับแผนเป้าหมายกำไรของคุณ |
75%-90% |
ตั้งแต่ $200 ถึง $6,500 |
ฟิวเจอร์ส |
|
นักเทรดที่มีประสบการณ์ |
14 วัน |
สูงสุด 90% |
$139.50 ถึง $972 |
ฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น คริปโต |
|
การเทรดทางไกล |
14 วัน |
100% สำหรับกำไร $12,500 แรกในบัญชีจริง และส่วนแบ่งกำไร 80% จากกำไรที่ได้หลังจากนั้น |
$45 ถึง $75,000 |
ฟิวเจอร์ส |
|
การเทรดโดยไร้ความเสี่ยง |
14 วัน |
50% ถึง 80% |
ตั้งแต่ $95 ต่อเดือนสำหรับบัญชี $25,000 ไปจนถึง $650 ต่อเดือนสำหรับบัญชี $250,000 |
ฟิวเจอร์ส |
|
Try Day Trading |
มีโค้ชแบบ 1-1 |
30 วัน |
50% |
$6,995 ถึง $15,395 |
ฟอเร็กซ์ |
นักเทรดมืออาชีพ |
15 วัน |
80% |
Bootcamp: $2,499 The Gauntlet: $429 The Gauntlet Mini: $150, $170, $245, $315 หรือ $350 |
||
Maverick Trading |
นักเทรดที่เทรดบ่อย |
ไม่ระบุ |
70% ถึง 80% |
$6,000 สำหรับการฝึกอบรมและค่าธรรมเนียม $199/เดือน, $5,000 เพื่อเติมเงินในบัญชีจริง |
ฟิวเจอร์ส หุ้น และออปชั่น |
นักเทรดที่มีแรงจูงใจ |
30 วันเพื่อสอบเฟสแรกให้ผ่าน และ 60 วันสำหรับเฟสที่สอง |
สูงสุด to 90% |
ตั้งแต่ $228 ถึง $988 โดยขึ้นอยู่กับขนาดบัญชี |
คู่สกุลเงิน สกุลเงินคริปโต ดัชนี หุ้น และ CFDs พลังงานและโลหะ |
|
นักเทรดที่ใช้แพลตฟอร์ม MT5 |
ไม่มี |
50% |
$275 ถึง $875 |
ฟอเร็กซ์ โลหะ และดัชนี |
บริษัทกองทุนไหนมีราคาถูกที่สุด?
การให้ผู้ใช้งานมีโอกาสเทรดโดยใช้เงินของกองทุนเพื่อแลกกับส่วนแบ่งกำไรในบัญชีเทรดกองทุนนั้นนับว่าเป็นของขวัญที่ล้ำค่า โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่มีเงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนไม่มาก และอยากจะสะสมประสบการณ์การเทรดเป็นของตนเอง
แน่นอนว่าโปรแกรมการเทรดกองทุนที่มีราคาถูกที่สุดย่อมเป็นโปรแกรมที่ให้ค่าธรรมเนียมและขนาดพอร์ตที่น้อยมากที่สุด แม้ว่านี่จะเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง แต่ในบางครั้งก็อาจจะคุ้มค่ากว่าถ้าจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อยเพื่อเงื่อนไขที่ดีกว่า
บริษัทกองทุนที่ราคาถูกอาจไม่น่าเชื่อถือ และบางแห่งก็อาจใช้นักเทรดเป็นเครื่องมือในการหากินกับค่าสมัคร โดยให้นักเทรดสอบด่านต่าง ๆ อย่างไม่จบสิ้น ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดควรทำการศึกษาเป็นอย่างดีก่อนจะทุ่มเทเวลาและนำเงินไปลงทุนในบัญชีใด ๆ โดยเฉพาะกับโปรแกรมที่มีราคาถูกมาก ๆ
แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไป บางบริษัทที่มีราคาไม่แพงก็มีข้อเสนอที่ดีได้เช่นกัน และตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจมีดังนี้:
FTMO
ค่าธรรมเนียมใช้บริการขั้นต่ำของ FTMO คือ €155 สำหรับบัญชีขนาด $10K โดยให้ส่วนแบ่งกำไรมาตรฐานที่ 80/20 ค่าธรรมเนียมสูงสุดของ FTMO คือ €1080 สำหรับบัญชี $200K
Topstep
ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเริ่มที่ 165 USD ค่าธรรมเนียมสูงสุดของ Topstep คือ $375 สำหรับบัญชี $150K
SurgeTrader
SurgeTrader คิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ $250 และค่าธรรมเนียมสูงสุด $6,500
ฉันจะเป็นนักเทรดกองทุนเต็มตัวได้อย่างไร?
เราได้พูดถึงไปแล้วเกี่ยวกับข้อดีของการเป็นนักเทรดกองทุน แต่คุณจะเริ่มเป็นนักเทรดกองทุนได้อย่างไร? จริง ๆ แล้ว เงื่อนไขการเป็นนักเทรดกองทุนนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท เช่น บางแห่งอาจมีขั้นตอนการสอบประเมินแบบรอบเดียว หรือบางกองทุนอาจกำหนดให้สอบสองเฟส และมีรอบการยืนยันตนด้วย เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเงื่อนไขเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันไป แต่ก็มีขั้นตอนทั่วไปที่คุณควรจะปฏิบัติเพื่อเพิ่มโอกาสการเป็นนักเทรดกองทุนอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเทรดกับบริษัทไหนก็ตาม
ตัวอย่างเช่น
-
พัฒนาทักษะการเทรด
-
จัดทำสถิติของตนเองเพื่อแสดงฝีมือการเทรดของคุณ
-
ศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมกองทุนต่าง ๆ
-
ทำตามเงื่อนไขที่กำหนด (เป้าหมายกำไรขั้นต่ำ การขาดทุนสะสม หรือสไตล์การเทรดเฉพาะใด ๆ)
-
สมัครสมาชิก
-
ผ่านขั้นตอนการสอบและการประเมิน
-
รับเงินทุนและเทรด
ฉันจะเป็นนักเทรดกองทุนโดยไม่ต้องสอบได้หรือไม่?
ในบทความนี้มีคำ ๆ หนึ่งที่น่าสนใจก็คือคำว่า “สอบประเมิน” (Evaluation) เราได้อธิบายรายละเอียดขั้นตอนการสอบประเมินของบัญชีเทรดกองทุนที่แตกต่างกันไปแล้ว แต่การสอบประเมินจริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่?
เราลองมาให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายกัน ในฐานะนักเทรดกองทุน คุณจะใช้เงินทุนของบริษัทในการเทรด แต่บริษัทไม่รู้จักคุณ และไม่รู้ว่าจะไว้วางใจให้คุณดูแลบัญชีได้หรือไม่ ดังนั้น พวกเขาจึงกำหนดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อทดสอบทักษะการเทรดและการบริหารความเสี่ยงของคุณ โปรแกรมนี้เองที่เรียกว่า การสอบประเมิน และคุณจะต้องสอบผ่านแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถรับบัญชีไปเทรดได้
อย่างไรก็ตาม มีบัญชีเทรดกองทุนบางแห่ง (สองหรือสามกองทุน) ที่มีโปรแกรมที่ไม่ต้องผ่านการสอบประเมินเพื่อรับบัญชีเทรด ตัวอย่างเช่น 5%ers, FTUK และ Audacity Capital
หลักการเบื้องหลังการเทรดกองทุนคืออะไร?
คำถามที่ดีเยี่ยมที่เราสอบถามวันนี้ก็คือ หลักการที่อยู่เบื้องหลังการเทรดกองทุนคืออะไร? ทำไมบริษัทถึงต้องมอบเงินให้นักเทรดเทรดด้วย? ง่าย ๆ เลย แนวคิดเบื้องหลังก็คือ การทำกำไรให้กับบริษัทกองทุนโดยการใช้ประโยชน์จากโอกาสในตลาดและทักษะและความเชี่ยวชาญของนักเทรดกองทุน
ประเด็นสำคัญเพื่ออธิบายเพิ่มเติมมีดังนี้
การทำกำไร
การเทรดกองทุนมุ่งที่จะทำกำไรสูงสุดโดยใช้เครื่องมือเดียวในคลังอาวุธคือ การทำความเข้าใจความคิดของนักเทรด เพราะผู้ใช้งานไม่ได้ใช้เงินทุนของตนเองในการเทรด พวกเขาจึงมักจะเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งช่วยให้บริษัทได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการให้เหตุผลของนักเทรด และนำสิ่งนี้ไปต่อยอดเพื่อทำกำไรสูงสุด
การศึกษาและพัฒนา
การอนุญาตให้นักเทรดยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเทรดช่วยให้ บริษัทกองทุนสามารถรวบรวมข้อมูลว่าผู้ใช้งานมีการตัดสินใจในการเทรดอย่างไร พวกเขามักจะลงทุนในอะไรมากกว่า และแม้แต่ชั่วโมงที่มีการซื้อขายมากที่สุด การศึกษาดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในการต่อยอดและพัฒนาเครื่องมือการจัดการบัญชีได้
การดึงดูดและรักษาผู้มีศักยภาพ
แนวคิดการให้เงินทุนกับนักเทรด โดยนักเทรดไม่ต้องควักเงินออกจากกระเป๋าของตนเอง เป็นสิ่งที่ดึงดูดศักยภาพจากนักเทรดในวงการ เมื่อไรที่เริ่มได้กำไร นักเทรดที่มีศักยภาพเหล่านี้จะกลับมาเป็นผู้ใช้งานประจำของบัญชี
รักษากำไรได้ทั้งหมด
เพราะทุกอย่างนั้นเทรดในบัญชีของกองทุน กองทุนจึงสามารถเก็บรักษากำไรทั้งหมด และยังทำกำไรได้สูงสุดจากการเทรด
มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
บริษัทที่ธุรกิจด้านการเทรดกองทุนมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในแง่ของข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขาได้รับจากผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ทั้งเพื่อการรักษาลูกค้า และพัฒนาบัญชีของกองทุน
ฉันสามารถทำเงินได้เท่าไร?
นักเทรด Forex ที่มีบัญชีเงินทุนจริงจะได้รับการจ่ายเงินทุกเดือนตามผลตอบแทนที่ทำได้ในตลาด คุณจะทำเงินได้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับโปรแกรมเทรดกองทุนและปัจจัยหลายข้อ เช่น ผลงานการเทรดและกลยุทธ์ของคุณ และยังขึ้นอยู่กับประเภทของโปรแกรมที่คุณเลือกด้วย ดังนั้น การศึกษากฎกติกาบัญชีเทรดกองทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกโปรแกรมการเทรดกองทุนที่เหมาะสม
วิธีเลือกโปรแกรมเทรดกองทุน
-
ประสบการณ์โดยรวม: เมื่อพูดถึงการค้นหาโปรแกรมเทรดกองทุนที่ดี สิ่งสำคัญคือการพิจารณาอย่างรอบคอบ ตรวจสอบตั้งแต่ขั้นตอนและประสบการณ์ต่าง ๆ ทางที่ดีควรลองลงทะเบียน และผ่านทุกขั้นตอนตั้งแต่การทดสอบฟรีไปจนถึงการถอนเงินของพาร์ทเนอร์ การได้สัมผัสประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่โปรแกรมเทรดกองทุนนำเสนอให้คุณได้เข้าใจคุณภาพของโปรแกรมนั้น ๆ
-
ประเมินมูลค่า: สิ่งสำคัญคือการมองหาผู้นำในวงการโปรแกรมกองทุนนั้น ๆ ลองพิจารณาโปรแกรมที่นำเสนอฟีเจอร์พิเศษไม่เหมือนที่ไหนในราคาที่ดีมาก คุณจะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องไปเสียเวลากับโปรแกรมที่พอใช้
-
พิจารณาฟีเจอร์ต่าง ๆ ของโปรแกรมกองทุน: ประเมินฟีเจอร์ต่าง ๆ ประเภทของการขาดทุนสะสม หลักเกณฑ์ และคุณสมบัติเงื่อนไขของบัญชีเทรดกองทุน ในการประเมินโปรแกรมต่าง ๆ ควรพิจารณาเรื่องความมีอิสระของนักเทรดในขณะที่ได้รับเงินทุน ในกรณีที่เงื่อนไขมีข้อจำกัดมาก โปรแกรมนั้นจะต้องมีความคุ้มค่าอย่างชัดเจนในแง่ของมูลค่าและเงินทุนที่ได้รับ
-
การเทรดจริงหรือเงื่อนไขการเป็นพาร์ทเนอร์กับกองทุน: ในการประเมินเงื่อนไขการเทรดจริง ควรพิจารณาฟีเจอร์ที่สำคัญทุกด้าน ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมโปรแกรม เงื่อนไขการเทรด เงื่อนไขการถอนเงิน ความเร็วในการถอนเงิน และวงเงินจำกัด ตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าโปรแกรมเทรดกองทุนมีความโปร่งใสในเรื่องของราคา คุณไม่อยากจะประหลาดใจเพราะเงื่อนไขที่แอบแฝงอยู่หลังจากผ่านขั้นตอนการสอบไปแล้ว
โปรแกรมเทรดกองทุนเชื่อถือได้หรือไม่?
หากคุณเลือกบริษัทที่ใช่ในการทำงานด้วย โปรแกรมเทรดกองทุนอาจมีความน่าเชื่อถือสูง แต่นี่เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ในวงการนี้ คุณภาพของโปรแกรมแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท มีความเป็นไปได้ว่ากองทุนบางแห่งหลอกลวงลูกค้าเพราะความโลภ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
โปรแกรมเทรดกองทุนให้การเข้าถึงเงินทุนในการเทรดอย่างทั่วถึง และส่งเสริมการค้นพบนักเทรดที่มีพรสวรรค์ โปรแกรมเหล่านี้ให้นักเทรดได้สัมผัสสภาพแวดล้อมตลาดจริงและรับผลกำไรจริง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกโปรแกรมจะมีความน่าเชื่อถือเท่ากัน ก่อนที่จะลงทะเบียนกับโปรแกรมไหน คุณควรตรวจสอบประวัติของโปรแกรม เงื่อนไขการให้ทุน และเงื่อนไขการถอนเงิน โปรดคำนึงด้วยว่า วินัยและกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญในโปรแกรมการเทรดกองทุน จงเลือกโปรแกรมอย่างฉลาด เพราะโปรแกรมเหล่านี้สามารถช่วยปูทางไปสู่ความมีอิสระทางการเงินได้
นักเขียนที่ Traders Union
คำถามที่พบบ่อย
การเทรดกองทุนคุ้มค่าหรือไม่?
การเทรดกองทุนอาจคุ้มค่าได้สำหรับนักเทรดที่มีทักษะและวินัย ผู้ที่ต้องการเข้าถึงเงินทุนจำนวนมากกว่า และรับกำไรโดยไม่ต้องนำเงินของตนเองไปเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับทักษะส่วนตัวของนักเทรดและการปฏิบัติตามกติกาของโปรแกรม
บัญชีกองทุนปลอดความเสี่ยงหรือไม่?
แม้ว่าบัญชีกองทุนจะมีความเสี่ยงที่จำกัดเพราะเป็นการเทรดด้วยเงินทุนของบริษัท การเทรดมีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ นักเทรดต้องรับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยงและปฏิบัติตามกลยุทธ์การเทรด แม้ว่าจะเทรดกับโปรแกรมของกองทุนก็ตาม
โบรกเกอร์ไหนที่ Funded Next ใช้งาน?
โบรกเกอร์ที่ Funded Next ใช้งานอาจแตกต่างกันไป เพราะโปรแกรมนักเทรดกองทุนสามารถทำงานร่วมกับบริษัทกองทุนหลายแห่งได้ ทางที่ดีควรตรวจสอบข้อมูลทางการของโปรแกรมเพื่อตรวจดูรายละเอียดเกี่ยวกับโบรกเกอร์ที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้วย
บริษัทเทรดกองทุนทำเงินอย่างไร?
บริษัทที่ให้เงินทุนทำรายได้จากส่วนแบ่งกำไร ส่วนแบ่งกำไรของแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันไป บางกองทุนเก็บกำไร 50% ของกำไรที่คุณทำได้ ในบางกองทุน บริษัทจะรับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งต่ำกว่ามาก และให้นักเทรดทำกำไรได้ดีมากกว่า
ทีมงานที่จัดทำบทความนี้
Johnathan M. เป็นนักเขียนและนักลงทุนที่อยู่ในสหรัฐฯ และเป็นนักเขียนให้กับเว็บไซต์ Traders Union เขามีความเชี่ยวชาญหลังสองด้าน คือ การเงินและการลงทุน (โดยเฉพาะการเทรดฟอเร็กซ์ และการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์) และศาสนา/จิตวิญญาณ/การนั่งสมาธิ
ประสบการณ์ของเขา ได้แก่ การเขียนบทความให้กับ Investopedia.com ในฐานะหัวหน้านักเขียนให้กับรายการ Steve Pomeranz Show โปรแกรมทางวิทยุเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลในช่อง NPR นอกจากนี้ Jonathan ยังเป็นนักเทรดสกุลเงิน (ฟอเร็กซ์) ผู้มีประสบการณ์ในการลงทุนมากกว่า 20 ปีด้วย
เคท สโตยเชฟ เป็นบรรณาธิการคนไทยที่ Traders Union เธอเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ความหลงรักในภาษาพาเธอมาพบกับอาชีพเสริมในฐานะนักแปลภาษาไทยและอังกฤษ จนผันตัวมาเป็นงานหลักที่เธอชื่นชอบ “ฉันสนใจในเรื่องการเงินและการลงทุนมาโดยตลอด ส่วนใหญ่จึงมักแปลงานหรือเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเงิน การเทรดสัญญา CFDs และคริปโต” นอกจากความชอบในภาษาต่างประเทศแล้ว เธอยังสนใจในเรื่องประเด็นสังคมและการเมืองอีกด้วย เธอชอบใช้เวลาว่างกับครอบครัว ปรุงอาหารอร่อย ๆ และพยายามฝึกทักษะภาษาเยอรมัน
Mirjan Hipolito เป็นนักเขียนและบรรณาธิการข่าวที่ Traders Union เธอเป็นนักเเขียนที่เชี่ยวชาญเรื่องคริปโต มีประสบการณ์มากกว่าห้าปีในตลาดการเงิน เธอมีความชำนาญในการเขียนข่าวสารตลาดรายวัน การคาดการณ์ราคา และเรื่องการระดมทุนเพื่อเสนอขายเหรียญดิจิทัลใหม่ (ICO)