บริษัทเทรดกองทุนแบบไม่ต้องสอบยอดนิยมในปี 2024

แชร์สิ่งนี้:

บริษัทเทรดกองทุน Forex แบบไม่ต้องสอบที่ดีที่สุดในปี 2024 - Fidelcrest

เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง

ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก Traders Union บริษัทเทรดกองทุนแบบให้พอร์ตจริงทันทีที่ดีที่สุด ได้แก่

  1. Fidelcrest - Fidelcrest หลีกเลี่ยงที่จะกำหนดเงื่อนไขจำนวนวันขั้นต่ำที่ต้องเทรดเพื่อรับบัญชีเงินทุน ดังนั้น คุณจึงสามารถรับเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว พร้อมโอกาสที่จะรับพอร์ตจริงได้ในวันเดียว

  2. 5%ers - บริษัทกองทุนที่มีโปรแกรม Instant Funding ที่ดีที่สุด คุณสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการสอบประเมิน และเริ่มต้นเทรดในบัญชีจริงได้ทันที

  3. BluFX - ข้อดีของการรับเงินทุนทันทีช่วยให้นักเทรดสามารถเริ่มเทรดเงินทุนตั้งแต่ $10,000 ไปจนถึง $100,000 โดยไม่จำเป็นต้องสอบผ่านชาเลนจ์ใด ๆ

  4. Glow Node - อัตราการแบ่งกำไรเริ่มต้นที่ 80% และสามารถเพิ่มเป็น 90% ได้ในระหว่างการเพิ่มทุน จึงทำให้ Glow Node เป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งในตลาดนี้ที่ให้พอร์ตจริงทันทีภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว

สำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และมีความทะเยอทะยาน บริษัทกองทุน Forex มอบโอกาสพิเศษให้คุณสามารถเทรดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยใช้เงินทุนจากกองทุน นักเทรดจึงสามารถใช้ทักษะการเทรดของตนเองให้เกิดประโยชน์และทำกำไรจำนวนมหาศาลได้ สำหรับเนื้อหาในหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญจะมาเจาะลึกหลักการของบริษัทเทรดกองทุนแบบไม่ต้องสอบ อธิบายเกี่ยวกับข้อดีต่าง ๆ และให้รายชื่อบริษัทกองทุนยอดนิยมในกลุ่มนี้ คุณจะได้รับมุมมองเจาะลึกที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยในการตัดสินใจอย่างรอบคอบและยกระดับอาชีพนักเทรดของคุณต่อไป

การเทรดกองทุนคืออะไร?

การเทรดกองทุนโดยทั่วไปนั้นเรียกว่า Prop Trading คือ รูปแบบการเทรดที่มีกิจกรรมการเทรดมากและให้กำไรสูง ซึ่งบริษัทการเงินจะใช้เงินทุนของตนเองเพื่อทำกำไรในตลาดโดยตรง การเทรดกองทุนแตกต่างไปจากการเทรดแบบดั้งเดิมที่บริษัทเป็นสื่อกลางในการดำเนินการเทรดในนามของลูกค้า นักเทรดกองทุนจะวัตถุประสงค์อย่างเดียวที่จะทำกำไรจากกิจกรรมในตลาด นักเทรดกองทุนเข้าร่วมในการซื้อและขายตราสารทางการเงินที่มีความหลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน ฯลฯ โดยมุ่งหวังที่จะทำกำไรได้จำนวนมากให้กับบริษัทของพวกเขา

หนึ่งในข้อดีที่โดดเด่นที่สุดของการเทรดกองทุนคือ การเข้าถึงเงินทุนจำนวนมากและโอกาสในการทำงานร่วมกับนักเทรดผู้มีประสบการณ์ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถพบปะกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ ให้พวกเขาสังเกตและเรียนรู้จากนักเทรดที่เก่งที่สุดในแวดวงนี้ นักเทรดกองทุนที่ล้อมรอบไปด้วยนักเทรดมืออาชีพผู้มากประสบการณ์ จะยิ่งได้รับข้อมูลที่มีคุณค่า ได้ขัดเกลากลยุทธ์การเทรด และทำการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลรองรับ นอกจากนี้ นักเทรดกองทุนมักจะได้รับสิทธิพิเศษให้เข้าถึงบัญชีที่ปลอดความเสี่ยง ซึ่งช่วยให้พวกเขามีโอกาสศึกษาและฝึกฝนการเทรดได้โดยไม่ต้องนำเงินของตนเองมาเสี่ยงต่อการขาดทุน

การเทรดกองทุนครอบคลุมตลาดหลายประเภท แต่ละตลาดล้วนมีลักษณะเฉพาะและโอกาสที่แตกต่างกันไป ตลาดฟอเร็กซ์ หรือที่เรียกว่า Foreign Exchange Markert (Forex) เป็นตลาดอันดับหนึ่งในวงการเทรดกองทุน ตลาดนี้เป็นตลาดที่เทรดค่าเงินจากหลายประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดฟอเร็กซ์ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมให้นักเทรดได้ทำธุรกรรมปริมาณมาก และมีความเร็วสูง ความผันผวนและสภาพคล่องในตลาดนี้ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับนักเทรดกองทุนที่มุ่งทำกำไรจำนวนมาก

อีกหนึ่งตลาดยอดนิยมในแวดวงการเทรดกองทุนคือตลาดหุ้น นักเทรดกองทุนกระตือรือร้นที่จะวิเคราะห์และเทรดหุ้นของบริษัทมหาชนต่าง ๆ เพื่อมุ่งทำกำไรจากการเคลื่อนไหวและความผันผวนของราคา นักเทรดกองทุนจะใช้เลเวอเรจกับเงินทุนของบริษัทเพื่อเข้าถึงคำสั่งเทรดขนาดใหญ่ และใช้ประโยชน์จากทั้งคำสั่งซื้อ (long) และคำสั่งขาย (short) ในตลาดหุ้น ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูง นักเทรดกองทุนสามารถค้นพบโอกาสและดำเนินการเทรดได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาตั้งใจจะทำกำไรด้วยจังหวะการเทรดที่ชาญฉลาดและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบไม่ต้องสอบ

👍 ข้อดี

เทรดจริงได้ทันที: หนึ่งในข้อดีหลักของการเทรดกองทุนแบบรับเงินทุนทันที คือสามารถรับพอร์ตจริงได้ทันที ไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการประเมินทักษะที่ยืดยาว การเทรดแบบนี้ช่วยประหยัดเวลาและให้นักเทรดได้รับประสบการณ์เทรดในตลาดจริงได้ทันที

ประหยัดต้นทุน: หากนักเทรดเริ่มทำกำไรได้จากพอร์ตจริงของกองทุน กำไรเหล่านี้จะช่วยชดเชยค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับบริษัทกองทุน ในทางกลับกัน กำไรเสมือนจริงที่ได้จากการเทรดในบัญชีทดลองในช่วงขั้นตอนการสอบนั้นจะไม่มีผลทางการเงินที่เหมือนกัน ดังนั้น การเทรดกับบริษัทเทรดกองทุนอย่างประสบความสำเร็จสามารถช่วยประหยัดเงินทุนได้ในระยะยาว

ความเสี่ยงที่จะถูกโกงน้อยกว่า: บริษัทเทรดกองทุนมักมีขั้นตอนการสอบกองทุนที่เข้มงวดเพื่อคัดสรรนักเทรดที่จะได้รับเงินทุน เมื่อเลือกการเทรดแบบรับเงินทุนทันนี นักเทรดจะลดความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่อาจเก็บค่าสมัครสอบและจากนั้นก็ทำให้นักเทรดสอบตกโดยตั้งใจได้ การเลือกบริษัทเทรดกองทุนที่มีชื่อเสียงจึงช่วยลดความเสี่ยงของการถูกโกงนี้

👎 ข้อเสีย

ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น: บริษัทกองทุนอาจกำหนดค่าธรรมเนียมที่แพงกว่าสำหรับนักเทรดที่ต้องการเริ่มเทรดโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการสอบ เพราะว่าบริษัทจะรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อให้เงินทุนกับนักเทรดโดยไม่มีการประเมินความสามารถในการเทรดก่อน นักเทรดควรเตรียมพร้อมที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น หากพวกเขาเลือกที่จะข้ามขั้นตอนการสอบกองทุน

ส่วนแบ่งกำไรลดลง: นักเทรดที่เริ่มต้นเทรดโดยไม่ผ่านการสอบกองทุนอาจได้รับเงื่อนไขการแบ่งกำไรที่น้อยลง เมื่อเทียบกับผู้ที่ต้องผ่านการสอบกองทุนให้ผ่าน ในขณะที่บริษัทกองทุนส่วนใหญ่มักหักส่วนแบ่งในอัตราไม่สูง เช่น 20% ของกำไรทั้งหมดให้กับนักเทรดที่ผ่านขั้นตอนการสอบ นักเทรดที่เลือกจะไม่สอบ จะต้องเสียส่วนแบ่งกำไรถึง 50% หรือสูงกว่า หมายความว่ากำไรส่วนใหญ่จะตกเป็นของบริษัทกองทุน และส่งผลต่อรายได้โดยรวมของนักเทรด

บริษัทเทรดกองทุน Forex แบบไม่ต้องสอบที่ดีที่สุดในปี 2024

ผู้เชี่ยวชาญได้คัดเลือกบริษัทดังต่อไปนี้ให้อยู่ในรายชื่อบริษัทเทรดกองทุน Forex แบบไม่ต้องสอบที่ดีที่สุดในปี 2024

Fidelcrest

Fidelcrest ให้บริการบัญชีประเภทให้เงินทุนทันทีสองประเภทด้วยกันเพื่อตอบสนองต่อระดับประสบการณ์ที่หลากหลายของนักเทรด โปรแกรม Pro Trader เหมาะสำหรับนักเทรดผู้มีประสบการณ์ที่มีทักษะการบริหารความเสี่ยงที่พัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างดี และมีกลยุทธ์การเทรดที่เชื่อถือได้ ภายในโปรแกรมนี้ นักเทรดสามารถเลือกว่าจะเทรดบัญชีแบบ Normal หรือ Aggressive โดยมีขนาดพอร์ตเริ่มต้นตั้งแต่ $150,000 ถึง $1,000,000 สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงก็คือ ตัวเลือกการเทรดด้วยทุนเริ่มต้น $1,000,000 มีให้เฉพาะนักเทรดประเภท Normal Pro เท่านั้น

สำหรับการรับสถานะนักเทรดที่ได้รับเงินทุนที่ Fidelcrest นักเทรดจะต้องผ่านขั้นตอนการสอบแบบสองเฟส เฟสแรกเรียกว่า Fidelcrest Trading Challenge ซึ่งให้นักเทรดสามารถเข้าถึงบัญชีเทรดในขนาดตามที่ตนเองเลือก หากการสอบในเฟสแรกไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะนักเทรดจะได้รับโอกาสที่ไม่จำกัดในการพยายามในครั้งถัดไป

สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการขัดเกลาทักษะการเทรดก่อนที่จะทำการบริหารบัญชีที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โปรแกรม Micro Trader เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด โปรแกรมนี้เน้นเรื่องทักษะการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญและให้นักเทรดได้รับโอกาสเริ่มทำกำไรจากการสอบผ่านในเฟสเดียว

Fidelcrest แตกต่างไปจากบริษัทกองทุนอื่น ๆ ตรงที่บริษัทหลีกเลี่ยงการกำหนดเงื่อนไขจำนวนวันเทรดขั้นต่ำ เพื่อรับบัญชีจริง นักเทรดจึงสามารถรับเงินทุนในพอร์ตจริงได้จากการทำกำไรสำเร็จในวันเดียว เป็นต้น

ส่วนที่สำคัญของ Fidelcrest คือความภาคภูมิใจในทีมงานซัพพอร์ตลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และเข้ารับความช่วยเหลือได้จากทั่วโลก ทีมงานที่เป็นกันเองและรอบรู้นี้สามารถติดต่อได้ผ่านทาง Live Chat พวกเขาช่วยตอบคำถามและข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปจะได้รับคำตอบภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น

The5%ers

ในฐานะหนึ่งในบริษัทกองทุนที่เก่าแก่และน่าเชื่อถือมากที่สุดในวงการ The 5ers สร้างชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในเรื่องความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการเติบโตและความสำเร็จให้แก่นักเทรด บริษัทนี้มีความเชี่ยวชาญในการเทรดฟอเร็กซ์ เปิดโอกาสให้นักเทรดเข้าถึงบัญชีจริงได้ตั้งแต่วันแรก โดยไม่จำเป็นต้องเทรดบนบัญชีทดลอง หมายความว่า นักเทรดสามารถเริ่มใช้กลยุทธ์การเทรดและเทคนิคของตนเองได้อย่างทันที เพื่อสัมผัสบรรยากาศและกำไรจริงในตลาด นักเทรดที่เลือก The 5ers สามารถเพลิดเพลินไปกับโปรแกรม Instant Funding ได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการสอบกองทุน จึงเริ่มเทรดในพอร์ตจริงได้โดยทันที ส่วนแบ่งกำไรคือ 50/50 และมีการรับประกันการจ่ายเงินรายเดือนที่ตรงเวลา อีกทั้ง นักเทรดยังมีอิสระในการใช้กลยุทธ์การเทรดใดก็ได้ และมีค่าธรรมเนียมแบบจ่ายครั้งเดียว โดยไม่ต้องชำระเงินต่อเดือนอีก 5ers ยังให้ความยืดหยุ่นในการเทรดในสไตล์ที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดด้วยตนเอง การใช้ EAs หรือคัดลอกเทรด จึงตอบสนองต่อแนวทางการเทรดที่หลากหลายและเอื้อให้นักเทรดดึงศักยภาพมาใช้ได้อย่างเต็มที่

The 5%ers ให้บริการบัญชีที่มีฟีเจอร์โดดเด่นสองประเภท ได้แก่

  1. โปรแกรม Risk Manager: โปรแกรมนี้ให้สภาพแวดล้อมการเทรดที่ผ่อนคลาย โดยไม่มีเงื่อนไขเวลามาจำกัด นักเทรดมีเป้าหมายกำไรอยู่ที่ 6% หรือ 7% ใน Level 1 และนักเทรดสามารถถอนเงินรายได้เมื่อผลงานเทรดก้าวหน้าขึ้น โปรแกรมนี้ยังกำหนดเป้าหมายกำไร 10% สำหรับการเพิ่มทุนในพอร์ตเป็นสองเท่า เลเวอเรจที่มีให้คือ 1:10 นักเทรดจึงสามารถใช้ศักยภาพการเทรดของตนเองได้อย่างเต็มที่

  2. โปรแกรม Aggressive Trader: ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเทรดอันน่าตื่นเต้น และมีกฎน้อยลง โปรแกรมนี้กำหนดเป้าหมายกำไรไว้ที่ 12% ที่ Level 1 นักเทรดสามารถถอนเงินกำไรได้เมื่อบัญชีงอกเงย โปรแกรมนี้ยังกำหนดเป้าหมายกำไร 25% เพื่อเพิ่มทุนในพอร์ตเป็นสองเท่า เลเวอเรจที่ให้คือ 1:30 ให้นักเทรดมีโอกาสเพิ่มขนาดคำสั่งเทรดของตนเอง

บัญชีทั้งสองประเภทของ The 5ers นี้มุ่งที่จะตอบโจทย์แนวทางการเทรดและระดับการยอมรับความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป นักเทรดสามารถเลือกโปรแกรมที่สอดคล้องกับสไตล์และเป้าหมายการเทรดของตนเอง เพื่อให้นักเทรดมีความยืดหยุ่นและมีศักยภาพในการปั้นบัญชีฟอเร็กซ์ของตนเองให้เติบโตต่อไป

BluFX

BluFX มีความโดดเด่นในบรรดาบริษัทกองทุนชั้นนำ เนื่องด้วยตัวเลือกการให้ทุนแบบไม่ต้องสอบที่มีเอกลักษณ์ และฟีเจอร์การเพิ่มทุนที่โดดเด่นสองแบบ BluFX ต่างไปจากบริษัทอื่น ๆ ตรงที่ไม่มีการหักค่าธรรมเนียมแบบครั้งเดียว แต่เป็นการหักค่าธรรมเนียมสมัครใช้บริการรายเดือนในอัตราคงที่ โดยขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดบัญชีที่เลือก

นักเทรดสามารถเลือกโปรแกรมแบบรับทุนได้ทันที ซึ่งมาพร้อมกับเป้าหมายกำไรในการถอนเงินคือ 5% และเป้าหมายกำไรสำหรับเพิ่มทุนคือ 10% และต้องขาดทุนรวมไม่เกิน 10% อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดในเรื่องขนาดล็อตและไม่สามารถถือคำสั่งเทรดข้ามวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้ อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้คัดลอกเทรดและใช้ EA ในการเทรด แม้ว่า BluFX จะมีค่าใช้บริการรายเดือนและมีเลเวอเรจค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทกองทุนชั้นนำในวงการอื่น ๆ แผนการเพิ่มทุนที่น่าดึงดูดทำให้ที่นี่มีความโดดเด่นกว่าที่อื่น สิ่งที่ควรคำนึงคือ บัญชีต่าง ๆ มีค่าใช้บริการรายเดือน และนักเทรดจะต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดของขนาดล็อตและเทรดด้วยเลเวอเรจต่ำที่ 1:3

ข้อดีของโปรแกรมแบบรับเงินทุนทันทีคือ ช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าถึงเงินทุนเริ่มตั้งแต่ $10,000 ไปจนถึง $100,000 โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสอบใด ๆ การใช้แนวทางกลยุทธ์การเทรดที่ถูกต้องจึงสามารถช่วยให้ Forex กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของนักเทรดได้ BluFX ไม่หักค่าสเปรดหรือค่าธรรมเนียมในการเทรดจากธุรกรรม เพราะค่าธรรมเนียมเหล่านี้ถูกกำหนดโดยผู้ให้บริการสภาพคล่องและขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย เช่น สินทรัพย์ที่เลือก และสภาพแวดล้อมในตลาดโลก

Glow Node

Glow Node ให้บริการบัญชีสามประเภทที่มาพร้อมกับเงื่อนไขการให้ทุนที่ยืดหยุ่นแก่นักเทรด นักเทรดสามารถเลือกว่าจะสอบชาเลนจ์แบบเฟสเดียวหรือ 2 เฟส หรือสามารถเลือกบัญชีแบบรับทุนได้ทันที ในกรณีที่เลือกรับทุนแบบทันที นักเทรดจะต้องจ่ายเงิน 10% ของเงื่อนไขการขาดทุนสะสมสูงสุดของบัญชี Glow Node เช่น หากนักเทรดเลือกขนาดพอร์ต $100,000 โดยมีระดับขาดทุนสูงสุดไม่เกิน $5,000 นักเทรดจะต้องจ่ายเงิน $500 ให้กับกองทุน หากบัญชีของนักเทรดไปถึงระดับเป้าหมาย นักเทรดจะมีสิทธิ์รับเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวคืน อัตราการแบ่งกำไรเริ่มต้นที่ 80% และสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 90% ได้ในแผนการเพิ่มทุน ซึ่งทำให้ Glow Node เป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งในตลาดที่ให้โปรแกรมแบบไม่ต้องสอบภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว

นักเทรดมีอิสระในการเลือกว่าจะเทรดในบัญชีมาตรฐาน บัญชีความเสี่ยงสูง หรือบัญชีแบบรับเงินทุนทันที ยอดเงินฝากขั้นต่ำคือ $450 ในขณะที่ขนาดพอร์ตสูงสุดที่มีให้คือ $100,000 โดยกำหนดการขาดทุนสะสมไม่เกิน 5% Glow Node ยังให้ตัวเลือกคืนเงินค่าธรรมเนียม เพื่อให้นักเทรดสามารถขอรับค่าสมัครสอบคืนได้ การจะรับค่าสมัครสอบคืนได้นั้น นักเทรดจะต้องถอนเงินอย่างน้อย 15% ของเงินกำไร และบรรลุเป้าหมายการเพิ่มทุนสูงสุดที่เท่ากับ (การเพิ่มทุน * 5)

นอกจากนี้ บริษัทกองทุน Glow Node ยังให้ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักเทรด ได้แก่ ความสามารถในการถือคำสั่งเทรดข้ามวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ให้นักเทรดได้หยุดพักผ่อนจากบัญชีเทรดของตนเอง บริษัทยังรองรับการคัดลอกเทรดจากบัญชีภายนอกของเพื่อนหรือคนรู้จักของคุณ ให้นักเทรดสามารถคัดลอกเทรดมายังบัญชีของ Glow Node ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี การคัดลอกจากบัญชีอื่นภายในบริษัท รวมถึงจากบัญชีของตนเองเป็นข้อห้ามอย่างเคร่งครัด

การเทรดกับโบรกเกอร์ vs การเทรดกองทุน

แง่มุม การเทรดกับโบรกเกอร์ การเทรดกองทุน

ระดับทักษะ

เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และมีเงินทุนจำนวนมาก

Assets for copy trading

เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่มีประสบการณ์และเงินทุนน้อย

อิสระและความยืดหยุ่น

มีอิสระและความยืดหยุ่นมากกว่าในการตัดสินใจในการเทรด

Assets for copy trading

มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าและต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบริษัท

ค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่น

ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์และกิจกรรมการเทรด

Assets for copy trading

โดยทั่วไปมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเนื่องจากมีราคาที่แข่งขันได้และการเทรดปริมาณมาก

เลเวอเรจ

เลเวอเรจจำกัดเนื่องด้วยเงื่อนไขการกำกับดูแลและกฎเรื่องเงินลงทุน

Assets for copy trading

เข้าถึงเลเวอเรจในอัตราที่สูงกว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท

ศักยภาพกำไร

กำไรที่เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนและกลยุทธ์ของนักเทรด

Assets for copy trading

มีอำนาจซื้อและศักยภาพกำไรที่สูงกว่า

ในแง่ของระดับทักษะ การเทรดกับโบรกเกอร์เหมาะกับนักเทรดที่มีประสบการณ์และมีเงินทุนจำนวนมากมากกว่า ในขณะที่การเทรดกับกองทุนเหมาะสำหรับผู้เพิ่งเริ่มต้นเทรด ที่ยังมีประสบการณ์และเงินทุนไม่มาก เนื่องจากกองทุนมีโปรแกรมที่ให้ความรู้และข้อเสนอการให้ทุน การเทรดกับโบรกเกอร์ให้ความเป็นอิสระและความยืดหยุ่นในการตัดสินใจในการเทรดมากกว่า ในมขณะที่การเทรดกับกองทุนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเทรดที่บริษัทกำหนด

ในส่วนของค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่น คนที่เทรดกับโบรกเกอร์จะมีตัวเลือกค่าธรรมเนียมที่หลากหลายมากกว่า ในขณะที่การเทรดกองทุนจะได้ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปต่ำกว่าเนื่องด้วยราคาที่แข่งขันได้ และขนาดคำสั่งเทรดที่มีมูลค่าสูงกว่าจากบริษัท

เลเวอเรจมีความแตกต่างกันอยู่มากระหว่างการเทรดกับโบรกเกอร์และกองทุน คนที่เทรดกับโบรกเกอร์จะต้องเผชิญกับเงื่อนไขและกฎเรื่องเงินลงทุนจากหน่วยงานกำกับดูแล จึงเป็นข้อจำกัดการเข้าถึงเลเวอเรจ ในทางกลับกัน นักเทรดกองทุนจะใช้เลเวอเรจที่อิงกับระดับความเสี่ยงของเงินทุนในบัญชี จึงมีอำนาจซื้อและศักยภาพการทำกำไรที่สูงกว่า

หากต้องการเทรดทั้งสองแบบพร้อมกัน ก็สามารถทำได้แต่ต้องอาศัยการไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง การเทรดกับโบรกเกอร์อาจเป็นงานรองที่เสริมจากการเทรดกองทุนได้ แต่กิจกรรมทั้งสองแบบนี้จำเป็นต้องเป็นต้องสอดคล้องกันในแง่ของกลยุทธ์และตลาดที่เทรด ความทุ่มเทและพยายามคือสิ่งที่ต้องมีเพื่อให้เทรดทั้งสองแนวทางได้อย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในระยะยาว หากมีความแตกต่างกันมากเกินไป

การเทรดกองทุนถูกกฎหมายหรือไม่?

ความชอบด้วยกฎหมายของการเทรดกองทุนขึ้นอยู่กับบุคคลหรือองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมนี้ ในกรณีส่วนใหญ่ การเทรดกองทุนถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย ยกเว้นว่ามีการบังคับใช้กฎระเบียบหรือข้อจำกัดที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ อย่างไรก็ตาม อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้างโดยเฉพาะกับธนาคารรายใหญ่หลังเกิดผลกระทบจากวิกฤติการเงินในปี 2008

หลังวิกฤติการเงินปี 2008 ได้มีการออกมาตรการควบคุมเพื่อจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเทรดกองทุนโดยธนาคารต่าง ๆ โดยมีการเสนอกฎที่เรียกว่า Volcker Rule ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป Dodd-Frank Wall Street Reform และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค กฎนี้ห้ามไม่ให้ธนาคารต่าง ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องในการเทรดกองทุน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะปกป้องเสถียรภาพของระบบการเงิน

แม้ว่าธนาคารจะถูกจำกัดจากการเทรดกองทุน สถาบันการเงินและกลุ่มบุคคลอื่น ๆ เช่น เฮดจ์ฟันด์ บริษัทการลงทุน และกลุ่มนักเทรดโดยทั่วไปนั้นได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเทรดกองทุนภายใต้ขอบเขตของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง องค์กรและกลุ่มบุคคลเหล่านี้ใช้เงินทุนของตนเองลงทุนในตราสารทางการเงิน โดยมุ่งหวังที่จะทำกำไรจากตลาดโดยตรง

โปรดทราบ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงเช่นกันคือ กรอบการกำกับดูแลการเทรดกองทุนอาจแตกต่างกันไปตามเขตอำนาจตามกฎหมายต่าง ๆ แต่ละประเทศมีกฎระเบียบและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ซึ่งนิยามความชอบด้วยกฎหมายของการเทรดกองทุนภายในตลาดของตนเอง ผู้ร่วมตลาดจำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบเหล่านี้เพื่อรับประกันความโปร่งใส ความยุติธรรม และเสถียรภาพโดยรวมของตลาดการเงิน

หน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานด้านการเงิน เช่น คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (FCA) ในสหราชอาณาจักร และหน่วยงานอื่น ๆ ที่คล้ายกันทั่วโลกมีหน้าที่ติดตามและบังคับใช้กฎระเบียบเหล่านี้เพื่อปกป้องคุ้มครองนักลงทุน รักษาเสถียรภาพในตลาด และป้องกันกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ แม้ว่าการเทรดกองทุนอาจถูกกฎหมาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบบางประการ รวมถึงเงื่อนไขการบริหารความเสี่ยงเพื่อรับประกันว่ากิจกรรมการเทรดนั้นไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มากเกินไปต่อองค์กรและบุคคลใด ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือระบบการเงินในวงกว้าง หน่วยงานกำกับดูแลมักบังคับใช้เงื่อนไขว่าด้วยเงินลงทุนที่เพียงพอ มีแนวทางบริหารความเสี่ยง และมีหน้าที่ที่จะต้องรายงานเพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการเทรดที่มีความรับผิดชอบ

ควรเลือกบริษัทกองทุนที่ดีที่สุดอย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญได้ไฮไลต์ปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้ที่ควรพิจารณาในการเลือกบริษัทกองทุน:

การแบ่งสรรกำไร:

การประเมินการแบ่งสรรกำไรในบริษัทเทรดกองทุน สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เปอร์เซ็นต์ที่จัดสรรให้กับนักเทรดเท่านั้น แต่รวมถึงความยุติธรรมของวิธีการแบ่งสรรกำไร บริษัทบางแห่งอาจมีโครงสร้างการแบ่งกำไรแบบหลายขั้น ซึ่งนักเทรดที่ทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอจะได้รับเปอร์เซ็นต์กำไรที่สูงกว่า นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่ามีการแบ่งสรรกำไรบ่อยแค่ไหน รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี เพราะทั้งหมดนี้สามารถส่งผลต่อกระแสเงินสดและการวางแผนทางการเงินของนักเทรดได้

เป้าหมายกำไร:

แม้ว่าเป้าหมายกำไรคือส่วนสำคัญของการเทรดกองทุน นักเทรดควรประเมินความเป็นไปได้ในความเป็นจริงของเป้าหมายเหล่านี้ เป้าหมายกำไรที่สูงมากอาจส่งผลให้ต้องเสี่ยงมาก หรือเพิ่มแรงกดดันให้กับนักเทรด จึงมีผลกระทบต่อการตัดสินใจและสุขภาพจิตของนักเทรดได้ การหาจุดสมดุลระหว่างเป้าหมายกำไรที่มีความท้าทายและการรักษาแนวทางการเทรดที่ยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาวกับบริษัทเทรดกองทุน

แนวทางบริหารความเสี่ยง:

ควรประเมินกรอบการทำงานและนโยบายเรื่องการบริหารความเสี่ยงของแต่ละบริษัทกองทุน โดยทำความเข้าใจว่ามีการติดตาม ประเมิน และรับมือกับความเสี่ยงอย่างไร ตลอดจนระดับความสนับสนุนและแนวทางที่นักเทรดได้รับในการบริหารความเสี่ยง แนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยรับประกันว่านักเทรดมีเครื่องมือและทรัพยากรในการปกป้องเงินทุน และรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ผันผวนในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน:

พิจารณาสมรรถภาพทางเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทเทรดกองทุน ไม่ว่าจะเป็นความเสถียรและความเร็วของแพลตฟอร์มเทรด การเข้าถึงข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ และการให้บริการประเภทคำสั่งและเครื่องมือการดำเนินคำสั่งเทรดขั้นสูง โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินคำสั่งเทรดอย่างมีประสิทธิภาพและการทำกำไรจากโอกาสที่มากมายในตลาด

การศึกษาและแหล่งข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์:

ประเมินแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาวิจัยและวิเคราะห์ของบริษัท ได้แก่ การเข้าถึงรายงานผลการวิจัยตลาด เครื่องมือการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ปฏิทินเศรษฐกิจ และฟีดข่าว การวิจัยและการวิเคราะห์อย่างครอบคลุมสามารถช่วยสนับสนุนขั้นตอนการตัดสินใจของนักเทรดได้เป็นอย่างดี และเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดและกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเทรด

การสนับสนุนและการให้คำปรึกษา:

พิจารณาระดับการให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาของบริษัเทรดกองทุน เช่น โอกาสการรับคำปรึกษาจากนักเทรดผู้เชี่ยวชาญหรือนักเทรดอาวุโสที่สามารถให้คำแนะนำ แนวทาง และการสนับสนุนในการพัฒนากลยุทธ์การเทรด สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการร่วมงานกันจะเอื้อต่อการเติบโตและช่วยให้นักเทรดเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างเร็วยิ่งขึ้น

ติดตามดูประวัติและชื่อเสียง:

ศึกษาประวัติและชื่อเสียงของบริษัทเทรดกองทุนในวงการ มองหาบริษัทขึ้นชื่อเรื่องความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และมีแนวทางปฏิบัติงานที่มีศีลธรรม อาจลองฟังเสียงตอบรับจากนักเทรดปัจจุบันหรือคนที่เคนเทรดกับบริษัทนั้น ๆ เพื่อรับฟังมุมมองเชิงลึกจากประสบการณ์ของพวกเขา และความน่าเชื่อถือโดยรวมของบริษัท

นักเทรดกองทุนทำเงินได้เท่าไหร่?

นักเทรดกองทุนที่ประสบความสำเร็จสามารถทำเงินได้ตั้งแต่ $100,000 และ $200,000 ต่อปี ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อรายได้ คือ

  • ทักษะและประสบการณ์: นักเทรดกองทุนที่มีประสบการณ์หลายปีและมีทักษะการเทรดในระดับสูงมักทำรายได้ได้สูงกว่า ทักษะการบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์เชิงเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน และความรู้ความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้งมีผลต่อรายได้ นักเทรดมักจะพัฒนาทักษะเหล่านี้ผ่านการสั่งสมประสบการณ์การเทรดหลายปี และมีการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ

  • สินทรัพย์ที่เทรด: ประเภทสินทรัพย์ที่นักเทรดมีความเชี่ยวชาญมีผลต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ สินทรัพย์บางชนิดให้ศักยภาพกำไรที่สูงกว่าเนื่องด้วยความเสี่ยงในระดับสูงในตลาดนั้น ๆ ตลาด เช่น สกุลเงินคริปโต สินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดหุ้น หรือฟอเร็กซ์ มีระดับความเสี่ยงและศักยภาพกำไรที่แตกต่างกันไป

  • ค่าตอบแทนขึ้นอยู่กับผลงาน: บริษัทกองทุนส่วนใหญ่มีโครงสร้างการให้ค่าตอบแทนที่ขึ้นอยู่กับผลงานการเทรด นักเทรดกองทุนจะได้รับส่วนแบ่งจำนวนหนึ่งจากกำไรที่ทำได้ ดังนั้น ผลงานเทรดที่ยอดเยี่ยมก็จะให้รายได้จำนวนที่สูงยิ่งขึ้น

  • สภาพแวดล้อมตลาด: ความผันผวนในตลาดและสภาพเศรษฐกิจมีผลต่อโอกาสในการเทรด นักเทรดที่ปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้เป็นอย่างดีจะทำรายได้ได้มากกว่า

  • การจัดสรรเงินทุน: บริษัทกองทุนบางแห่ง เช่น Fidelcrest จัดสรรเงินทุนในการเทรดตามผลงานของนักเทรด Fidelcrest ให้บริการบัญชีหลายระดับที่มีการจัดสรรเงินทุนแตกต่างกันไป การจัดสรรเงินที่มีความหลากหลายช่วยให้นักเทรดเพิ่มรายได้ของตนเองได้เมื่อมีผลงานก้าวหน้าขึ้น

ถ้าใช้ตัวอย่างกองทุนของ Fidelcrest จำนวนเงินที่คุณสามารถทำได้จะขึ้นอยู่กับทักษะการเทรด ระดับบัญชี และกำไรที่คุณทำได้เมื่อปฏิบัติตามแนวทางการบริหารความเสี่ยงของบริษัท ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางนักเทรดกับบริษัทนี้ คุณจะต้องศึกษาทบทวนและทำความเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ ของบริษัทเสมอ

Fidelcrest มีบัญชีหลายระดับให้บริการ โดยขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของนักเทรด แต่ละบัญชีมีค่าธรรมเนียมการใช้บริการ การจัดสรรเงินทุน และอัตราการแบ่งกำไรที่แตกต่างกันไป ลองมาดูกันว่าคุณจะทำเงินเท่าไหร่ได้บ้างกับ Fidelcrest:

  1. บัญชี Normal Risk (บัญชีความเสี่ยงปกติ): นักเทรดมีสิทธิรับกำไร 80% โดยอีก 20% เป็นของบริษัท หากนักเทรดทำกำไรได้ $10,000 พวกเขาสามารถทำเงินได้ $8,000 ซึ่งเท่ากับ 80% ของเงินกำไร

  2. บัญชี Aggressive Risk (บัญชีความเสี่ยงสูง): นักเทรดสามารถรับกำไร 90% โดยอีก 10% เป็นของบริษัท จำนวนรายได้ที่ระดับนี้นั้นสูงมาก เพราะนักเทรดจะได้รับเงิน $9,000 จากเงินกำไรทุก $10,000 ที่เทรดได้

โบนัสเงินฝากฟอเร็กซ์vs. โบนัสฟรีโดยไม่ต้องฝากเงิน

แม้ว่าบริษัทเทรดกองทุนจะให้เงินทุนจำนวนมากแก่นักเทรด เราจำเป็นต้องแยกแยะระหว่างเงินทุนและโบนัสที่ได้รับจากโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ โบนัสหลักทั้งสองแบบ ได้แก่ โบนัสเงินฝากฟอเร็กซ์ และโบนัสฟรีโดยไม่ต้องฝากเงิน ข้อแตกต่างระหว่างโบนัสทั้งสองประเภทมีดังนี้

  1. จำเป็นต้องเติมเงิน: โบนัสเงินฝากฟอเร็กซ์กำหนดเงื่อนไขให้นักเทรดต้องเติมเงินในบัญชีเพื่อรับโบนัส ในขณะที่โบนัสฟรีจะไม่มีเงื่อนไข

  2. ผู้ที่มีสิทธิรับโบนัส: โบนัสเงินฝากจะมอบให้กับนักเทรดรายใหม่และนักเทรดลูกค้าปัจจุบัน ในขณะที่โบนัสฟรีจะให้สำหรับนักเทรดรายใหม่เท่านั้น

  3. วิธีใช้โบนัส: โบนัสเงินฝากให้เป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินฝาก และมีเงื่อนไขปริมาณการเทรดที่ต้องปฏิบัติตาม ในขณะที่โบนัสฟรีจะให้เป็นจำนวนเงินตายตัวหลังจากผ่านขั้นตอนการยืนยันบัญชี

  4. ถอนได้หรือไม่: โบนัสเงินฝากเป็นจำนวนเงินที่สามารถถอนออกจากบัญชีได้ หลังจากปฏิบัติตามเงื่อนไขปริมาณการเทรดแล้ว ในขณะที่โบนัสฟรีจะให้คุณถอนได้แต่กำไร ไม่รวมเงินโบนัส

ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งที่น่าสนใจของบริษัทเทรดกองทุนแบบไม่ต้องสอบคือ ความสามารถในการเทรดเงินทุนแบบ fast track อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีแนวทางที่รอบคอบเสมอ นักเทรดควรไตร่ตรองข้อเสนอการแบ่งสรรกำไร เงื่อนไขค่าธรรมเนียม และแหล่งข้อมูลเพื่อการฝึกอบรมที่มีให้บริการ เลือกบริษัทที่ไม่ใช่แค่ให้เงินทุนอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนเส้นทางการเติบโตของคุณในฐานะนักเทรดด้วย การทุ่มเทพยายามหาบริษัทกองทุนที่ใช่จะช่วยให้คุณได้ประโยชน์จากการเทรดแบบรับเงินทุนทันที ในขณะเดียวกันก็จำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

Anastasiia Chabaniuk

Anastasiia Chabaniuk

ผู้เขียน, ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่ Traders Union

คำถามที่พบบ่อย

บริษัทกองทุนไหนดีที่สุดในโลก?

การตัดสินว่าบริษัทกองทุนไหนดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ความชอบ และเป้าหมายส่วนตัว บริษัทกองทุนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ได้แก่ 5%ers, BluFX และ Glow Node นักเทรดควรศึกษาและประเมินบริษัทต่าง ๆ ตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น โปรแกรม การแบ่งสรรกำไร ขั้นตอนการประเมิน และชื่อเสียงโดยรวมเพื่อตัดสินว่าบริษัทไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุด

บริษัทกองทุนใดที่ไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าธรรมเนียมร่วม?

ไม่มีบริษัทกองทุนที่มีชื่อเสียงใดที่ไม่กำหนดให้มีการจ่ายค่าธรรมเนียมเงินทุนร่วม บริษัทกองทุนส่วนใหญ่ตั้งเงื่อนไขให้นักเทรดจะต้องจ่ายเงินสมทบความเสี่ยงในจำนวนที่กำหนดเพื่อเข้าถึงบัญชีเทรด ซึ่งนำไปใช้ในการสนับสนุนกิจกรรมการเทรด

มีบริษัทเทรดกองทุนที่ฟรีไหม?

ไม่มีบริษัทเทรดกองทุนไหนที่ฟรีในความหมายดั้งเดิม โดยทั่วไป บริษัทเทรดกองทุนจะมีขั้นตอนการสอบ ค่าธรรมเนียม หรืออัตราการแบ่งกำไรกำหนดไว้ ซึ่งนักเทรดจะต้องลงทุนด้วยเวลา เงิน หรือเปอร์เซ็นต์กำไรของตนเอง แม้ว่าบริษัทบางแห่งอาจเสนอบัญชีทดลองหรือบัญชีฟรีให้ลองใช้งาน บัญชีเหล่านี้ล้วนเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษา และไม่ใช่การให้บัญชีเทรดที่มีเงินทุนจริงโดยปราศจากเงื่อนไขหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ

ฉันควรพิจารณาหลักเกณฑ์ใดบ้างเมื่อเลือกบริษัทเทรดกองทุนแบบไม่ต้องสอบ?

พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราการแบ่งกำไร เงื่อนไขการเทรด และเงื่อนไขค่าธรรมเนียม แนวทางการบริหารความเสี่ยง แพลตฟอร์มเทรดที่ให้บริการ และชื่อเสียงของบริษัท

อภิธานศัพท์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

  • 1 ทำกำไร

    คำสั่ง Take-Profit คือคำสั่งการซื้อขายประเภทหนึ่งที่สั่งให้นายหน้าปิดสถานะเมื่อตลาดถึงระดับกำไรที่ระบุ

  • 2 การบริหารความเสี่ยง

    การบริหารความเสี่ยงเป็นรูปแบบการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุด เครื่องมือการจัดการความเสี่ยงหลักคือ Stop Loss, Take Profit, การคำนวณปริมาณตำแหน่งโดยพิจารณาจากเลเวอเรจและมูลค่า pip

  • 3 ความผันผวน

    ความผันผวนหมายถึงระดับของการเปลี่ยนแปลงหรือความผันผวนของราคาหรือมูลค่าของสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสกุลเงินดิจิทัล ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ความผันผวนที่สูงขึ้นบ่งชี้ว่าราคาของสินทรัพย์กำลังเผชิญกับการแกว่งของราคาที่มีนัยสำคัญและรวดเร็วมากขึ้น ในขณะที่ความผันผวนที่ลดลงบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่ค่อนข้างคงที่และค่อยเป็นค่อยไป

  • 4 พิเศษ

    Xetra เป็นระบบการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เยอรมันที่ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตดำเนินการ Deutsche Börse เป็นบริษัทแม่ของตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต

  • 5 นักลงทุน

    นักลงทุนคือบุคคลที่นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์โดยคาดหวังว่ามูลค่าของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นในอนาคต สินทรัพย์อาจเป็นอะไรก็ได้ รวมถึงพันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวม หุ้น ทองคำ เงิน กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) และอสังหาริมทรัพย์

ทีมงานที่จัดทำบทความนี้

Ivan Andriyenko
ผู้เขียนของ Traders Union

Ivan Andriyenko เป็นผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ด้านการเงิน เขาเชี่ยวชาญการเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ ตลาดหุ้น และตลาดคริปโต เขาชื่นชอบรูปแบบการเทรดด้วยกลยุทธ์แบบระมัดระวังที่มีความเสี่ยงต่ำหรือปานกลาง และการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว เขามีประสบการณ์ในตลาดการเงินมากถึง 7 ปี Ivan มีส่วนร่วมในการจัดเตรียมบทความให้แก่นักเทรดมือใหม่ ตรวจสอบและประเมินโบรกเกอร์ วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขและลักษณะเฉพาะในการเทรด

Ivan ทดสอบกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในสินทรัพย์ที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้งานตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเขายังเชื่อว่า การให้ความช่วยเหลือนักเทรดมือใหม่ คือ ส่วนสำคัญของงานของเขา เขาแบ่งปันข้อมูลให้แก่ผู้เริ่มต้น ผู้ซึ่งต้องการเนื้อหาความรู้และกลยุทธ์ต่าง ๆ

Ivan มีคติประจำใจว่า “การเรียนรู้และการลองผิดลองถูกอย่างไม่หยุดยั้ง คือ หนทางนำไปสู่ความสำเร็จ”

Kate Stoytschew
บรรณาธิการภาคภาษาไทย

เคท สโตยเชฟ เป็นบรรณาธิการคนไทยที่ Traders Union เธอเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ความหลงรักในภาษาพาเธอมาพบกับอาชีพเสริมในฐานะนักแปลภาษาไทยและอังกฤษ จนผันตัวมาเป็นงานหลักที่เธอชื่นชอบ “ฉันสนใจในเรื่องการเงินและการลงทุนมาโดยตลอด ส่วนใหญ่จึงมักแปลงานหรือเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเงิน การเทรดสัญญา CFDs และคริปโต” นอกจากความชอบในภาษาต่างประเทศแล้ว เธอยังสนใจในเรื่องประเด็นสังคมและการเมืองอีกด้วย เธอชอบใช้เวลาว่างกับครอบครัว ปรุงอาหารอร่อย ๆ และพยายามฝึกทักษะภาษาเยอรมัน

Mirjan Hipolito
ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตและหุ้น

Mirjan Hipolito เป็นนักเขียนและบรรณาธิการข่าวที่ Traders Union เธอเป็นนักเเขียนที่เชี่ยวชาญเรื่องคริปโต มีประสบการณ์มากกว่าห้าปีในตลาดการเงิน เธอมีความชำนาญในการเขียนข่าวสารตลาดรายวัน การคาดการณ์ราคา และเรื่องการระดมทุนเพื่อเสนอขายเหรียญดิจิทัลใหม่ (ICO)