ฉันสามารถทำเงินกับบริษัทกองทุนได้หรือไม่?

แชร์สิ่งนี้:

นักเทรดกองทุนสามารถควบคุมรายได้ของตนเองโดยสมบูรณ์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการแบ่งกำไรของบริษัทกองทุนที่เลือก ดังนั้น ใคร ๆ ก็ทำกำไรในฐานะนักเทรดกองทุนได้ เพราะความสามารถในการทำกำไรขึ้นอยู่กับประสบการณ์และทักษะ กลยุทธ์ และความสามารถในการทำรายได้จากการเทรดในตลาดด้วยเงินทุนของบริษัท

หากคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับการเทรดกองทุน (Prop Trading) มาก่อน คุณอาจจะรู้ว่า Prop Traders หรือนักเทรดกองทุนนั้นทำกำไรจากการตัดสินใจในการลงทุนโดยตรง อย่างไรก็ตาม การเป็นนักเทรดกองทุนที่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่การเลือกบริษัทกองทุน ประสบการณ์ในการเทรด กลยุทธ์ และปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการ ด้านล่างนี้เราจะมาพูดคุยเรื่องข้อดีและข้อเสียของการเทรดกองทุน ว่าคุณจะทำเงินหรือเสียเงินเท่าไร และคุณต้องพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายใดบ้างก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการเทรดกับบริษัทกองทุน

การเทรดกองทุน: ข้อดีและข้อเสีย

การเทรดกองทุนหมายถึงการเข้ามาเป็นผู้ทำสัญญาและใช้เงินทุนของบริษัทในการเทรด แต่การเทรดให้กับบริษัทกองทุนนั้นคุ้มค่าหรือไม่? มาดูข้อดีและข้อเสียบางส่วนกันเลย

  • ความสามารถในการทำกำไร

ข้อแรกอาจจะเป็นข้อที่สำคัญมากที่สุดคือ นักเทรดจะได้รับกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งนักเทรดจะได้รับผลตอบแทนส่วนใหญ่ที่ได้จากคำสั่งเทรด นอกจากนี้ บริษัทกองทุนมักมีค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับการเทรดกับโบรกเกอร์ที่ทำรายได้จากค่าธรรมเนียมในการเทรดเท่านั้น

  • การเข้าถึงเครื่องมือและซอฟต์แวร์พิเศษ

นักเทรดกองทุนสามารถเข้าถึงเครื่องมือจำนวนมากที่ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จ เช่น เทคโนโลยีขั้นสูงที่อาจไม่มีให้บริการที่อื่น ข้อมูลคุณภาพสูง และแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย ซึ่งเป็นแง่มุมที่มีคุณค่า เมื่อเทียบกับการเทรดในฐานะลูกค้ารายย่อยที่มักได้จะใช้งานแพลตฟอร์มการเทรดเดียวเท่านั้น

  • ความช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม

บริษัทกองทุนมักมีทีมงานดูแลจัดการกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งต่างไปจากโบรกเกอร์ที่อาจมีผู้ใช้งานหลักหลายล้านคน แปลว่าบริษัทกองทุนจะสามารถให้ความช่วยเหลือกับคุณได้รวดเร็ว ในขณะที่โบรกเกอร์อาจมีระยะเวลาที่ต้องรอนานกว่า ซึ่งอาจทำให้สูญเสียรายได้ได้

  • ต้นทุนในการดำเนินงานที่น้อยลง

บริษัทกองทุนมีหน่วยงานกำกับดูแลน้อยกว่าหรือไม่มีเลย ข้อดีก็คือ บริษัทเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน้อยกว่า ทำให้พวกเขาสามารถแบ่งสรรกำไรกับนักเทรดในอัตราที่ให้ประโยชน์กับนักเทรดได้

  • การเทรดโดยใช้เงินทุนของบริษัทและเลเวอเรจสูง

บริษัทกองทุนให้นักเทรดสามารถใช้เลเวอเรจในอัตราสูงในการเทรดได้ และยังต่างไปจากการเทรดกับโบรกเกอร์ทั่วไป เพราะนักเทรดจะไม่ใช้เงินตนเองเทรด แต่จะใช้เงินของบริษัทเทรด

  • ความยืดหยุ่นในการทำงาน

คุณสามารถเลือกระหว่างการเทรดทางไกล และการเทรดออฟฟิศ ซึ่งอย่างหลังจะมีข้อดีมากกว่า

  • รับประสบการณ์และความรู้ได้ง่าย

บริษัทกองทุนหลายแห่งให้บริการทรัพยากรและเนื้อหาเพื่อการฝึกอบรมฟรี เช่น การอบรมแบบกลุ่ม หรือบางแห่งอาจให้บริการคอร์สต่าง ๆ โดยมีค่าใช้จ่าย บริษัทกองทุนส่วนใหญ่มีบัญชีทดลองให้ใช้งาน คุณจึงสามารถเริ่มเทรดกองทุนได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์อะไร

  • คลังหลักทรัพย์และสภาพคล่อง

บริษัทเทรดกองทุนสร้างคลังหลักทรัพย์ ซึ่งช่วยสถาบันให้มีความพร้อมสำหรับตลาดที่มีสภาพคล่องน้อย หรือในช่วงเทรนด์ขาลงที่ตลาดจะเทรดยากขึ้น

ถึงแม้ว่าการเทรดกองทุนจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มาพร้อมกับข้อเสียบางประการที่คุณควรจะคำนึงถึงก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางนี้เช่นกัน

  • การขาดการกำกับดูแล

บริษัทกองทุนมีการกำกับดูแลน้อยกว่าหรือไม่มีเลย คุณจึงต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่า และต้องไตร่ตรองเลือกบริษัทกองทุนให้ดี

  • ความเสี่ยงทางธุรกิจ

บริษัทกองทุนบางแห่งอาจขอให้คุณฝากเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเงินประกันความเสี่ยงของคุณ ทั้งนี้ เงินฝากของคุณจะไม่ได้รับการชดเชย และอาจตกอยู่ในความเสี่ยงหากถูกฉ้อโกงหรือความเสี่ยงอื่น ๆ คุณจึงควรฝากเงินเฉพาะจำนวนที่สามารถสูญเสียไปได้เท่านั้น

  • การขาดความยืดหยุ่นในการเทรด

บริษัทส่วนใหญ่เน้นการเทรดแบบ day trading เท่านั้น แม้ว่าบริษัทที่เลือกจะอนุญาตให้คุณถือคำสั่งเทรดข้ามคืนได้ แต่เลเวอเรจที่อนุญาตให้ใช้ได้อาจถูกจำกัด

  • ค่าใช้จ่าย

การเทรดกองทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงในระดับสูง เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน ค่าสอบกองทุน เป็นต้น

  • ผลกระทบต่ออารมณ์

การเทรดกองทุนอาจก่อให้เกิดความเครียดมากได้ เพราะคุณเทรดเงินทุนของบริษัทแทนเงินทุนของตนเอง และคุณจะต้องรับผิดชอบต่อการขาดทุนของตนเอง

  • ความมั่นคงและสวัสดิการของงาน

อาชีพนี้ไม่มีสวัสดิการในการจ้างงาน เช่น ประกันสุขภาพ และความมั่นคง เพราะคุณอาจเสียงานนี้ไปได้หากคุณล้มเหลวในการทำกำไร

ฉันสามารถทำเงินกับการเทรดกองทุนได้เท่าไร?

หากคุณกำลังสงสัยว่า “การเทรดกองทุนคุ้มหรือไม่?” นั้น คุณจะต้องทำความเข้าใจกลไกการทำงานก่อน การเทรดกองทุนเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ให้กำไรดีที่สุด เพราะกำไรที่คุณจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการแบ่งสรรกำไร ซึ่งแตกต่างไปจากการเทรดกับโบรกเกอร์ เพราะโบรกเกอร์จะทำกำไรจากค่าธรรมเนียมหรือค่าสเปรด ในขณะที่บริษัทกองทุนจะได้ประโยชน์จากการเทรดหรือการลงทุนในตลาดโดยตรง

นักเทรดกองทุนไม่ใช่พนักงาน แต่เป็นผู้ทำสัญญากับบริษัท และไม่ได้รับสวัสดิการในฐานะพนักงาน เช่น ประกันสุขภาพ รายได้ของนักเทรดกองทุนนั้นมาจากกำไรที่ได้จากการเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ ออปชั่น ฟิวเจอร์ส หรือสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ

ดังนั้น รายได้ของคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกเทรดกับบริษัทไหน และอัตราส่วนการแบ่งกำไร มีตั้งแต่ 75/100 ถึง 90/100 เป็นต้น ทั้งนี้ คุณไม่ควรเลือกบริษัทที่ให้กำไรในอัตราส่วนที่น้อยกว่า 70/100

บริษัทกองทุนบางแห่งอาจใช้อัตราส่วนการแบ่งกำไรที่ยืดหยุ่น โดยขึ้นอยู่กับประสบการณ์และกลยุทธ์การเทรดของคุณ เช่น Fidelcrest ให้กำไร 50% หลังจากคุณสอบผ่านขั้น Evaluation แต่คุณสามารถรับส่วนแบ่งได้สูงสุด 90/100 ในฐานะนักเทรดกองทุนของ Fidelcrest

แล้วการเทรดกองทุนให้กำไรไหม? การทำเงินกับบริษัทกองทุนไม่มีกฎตายตัว ตัวอย่างเช่น TopStep หนึ่งในบริษัทกองทุนที่ดีที่สุดในวงการ อนุญาตให้นักเทรดสามารถถอนเงิน $5,000 แรกที่ทำกำไรได้ และรับส่วนแบ่ง 90% หลังจากเงินจำนวนดังกล่าว

โดยรวมแล้ว เงินที่คุณจะได้นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณและความสามารถในการทำกำไรของคำสั่งเทรด การเจรจา ค่าธรรมเนียม ทักษะการเทรด และกลยุทธ์ คุณสามารถเพิ่มกำไรให้ได้สูงสุดด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ใช้เลเวอเรจ แต่นี่คือดาบสองคม เพราะยิ่งเลเวอเรจสูง กำไรที่ได้อาจจะสูงขึ้น แต่ตลาดก็อาจสวนทางกับคุณได้เช่นกัน

  • ใช้หลายกลยุทธ์ที่ให้กำไรโดยอ้างอิงจากทฤษฎี มากกว่าอารมณ์

  • เทรดด้วยเงินทุนที่คุณสามารถสูญเสียไปได้เท่านั้น เช่น นักเทรดมือใหม่อาจลงทุนเป็นเงินไม่เกิน $500 หรือ $1,000

  • เลือกบริษัทกองทุนที่ใช่ที่ตรงกับความต้องการและทักษะของคุณในแง่ของซอฟต์แวร์และแนวทางในการเทรด (เช่น ความสามารถในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน)

  • เดิมพันแบบเสี่ยงสูงเฉพาะในกรณีที่คุณมีประสบการณ์ในตลาดมากพอแล้วเท่านั้น

  • โฟกัสกับกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง

  • วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเมื่อเปิดคำสั่งเทรด รวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ

ฉันสามารถเสียเงินในการเทรดกองทุนได้หรือไม่?

แม้ว่าการเทรดกองทุนจะเป็นหนึ่งในโอกาสทำกำไรที่ดีที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงที่ไม่สมดุลเช่นกัน หมายความว่า อัตราส่วนการแบ่งกำไรอาจมีตั้งแต่ 75% ไปจนถึง 90% แต่คุณจะต้องรับมือกับความเสี่ยงในการเทรดของคุณ 100%

ส่วนใหญ่แล้ว การจะเริ่มสมัครเป็นนักเทรดกองทุนจะต้องมีการฝากเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่าเป็นเงินประกันความเสี่ยงของคุณ ในกรณีที่คุณเทรดขาดทุน จำนวนเงินที่ขาดทุนจะถูกชดเชยโดยเงินฝากของคุณเอง

ในขณะเดียวกันนั้น ความเสี่ยงที่มีส่วนร่วมกันก็ทำหน้าที่รับประกันว่านักเทรดจะพยายามไม่ทำการเทรดที่เสียงสูงมากเกินไป เพราะเงินทุนของตนเองก็จะเสี่ยงด้วยเช่นกัน

ไม่ต่างอะไรกับการลงทุนทุกรูปแบบที่ล้วนมีความเสี่ยง นักเทรดกองทุนทุกคนก็สามารถเสียเงินเพราะหลายเหตุผลด้วยกัน เช่น กลยุทธ์การเทรดที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้งานกลยุทธ์ที่ผิด การประเมินสถานการณ์ตลาดที่ไม่ถูกต้อง หรือการขาดความเข้าใจในข้อมูล ฯลฯ

การเทรดกองทุนมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

คำถามถัดไปก็คือ: บริษัทกองทุนคิดค่าใช้จ่ายเท่าไรในการเทรด? คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับบริษัทที่คุณเลือก โดยอาจมีค่าใช้จ่ายที่คุณควรคำนึงถึงดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมการใช้ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม (อาจประมาณ $200 ต่อเดือน)

  • ค่าธรรมเนียมรายเดือนของการใช้บริการประเภทบัญชีที่เลือก รวมถึงบัญชีทดลอง

  • ค่าธรรมเนียมถอนเงิน

  • ค่าธรรมเนียมการสอบกองทุน (Evaluation โดยทั่วไปจะจ่ายครั้งเดียว)

  • คุณอาจต้องจ่ายค่าฝึกอบรมหรือรับคำปรึกษา แต่บางบริษัทก็ให้บริการฟรี

บริษัทเทรดกองทุนที่ดีที่สุด

The Trading Pit

The Trading Pit คือบริษัทเทรดกองทุน (Prop firm) ที่มีอายุน้อย แต่มีเงื่อนไขการร่วมงานที่เป็นมิตร บริษัทนี้มีชื่อเสียงเรื่องโครงสร้างการเทรดที่มีการจดสิทธิบัตร ให้บริการเทรดบน 9 แพลตฟอร์ม (รวมถึง МetaТrader 4 และ МetaТrader 5) มีระบบอินเทอร์เฟศที่ตอบสนองดี และไม่มีค่าใช้จ่ายเสริม ปัจจุบัน The Trading Pit ให้บริการ CFDs (สัญญาซื้อขายส่วนต่างราคา) กว่า 500 รายการ และความหลากหลายของตราสารการเทรดก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทให้บริการเนื้อหาเพื่อการศึกษาและที่ปรึกษาแก่ลูกค้า นักเทรดจึงพัฒนาทักษะของตนจนเป็นมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว นักเทรดสามารถผูกบัญชี The Trading Pit กับบัญชี Volume Trader โดยมีค่าธรรมเนียมในการสมัครเริ่มตั้งแต่ €99 ถึง €999

Fidelcrest

Fidelcrest คือ บริษัทเทรดที่สร้างขึ้นมาโดยผู้เล่นตลาดฟอเร็กซ์ระดับมืออาชีพ โดยมีประสบการณ์ในการให้บริการโบรกเกอร์มานานกว่า 10 ปี บริษัทนี้จดทะเบียนในปี 2018 ในไซปรัส แต่ทำงานร่วมกับนักเทรดจากทั่วโลก รวมถึงนักเทรดที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ Fidelcrest ให้บริการบัญชี Pro และ Micro กับเทอร์มินัล MT4 สำหรับการเทรดคู่สกุลเงิน และ CFDs หุ้น ดัชนี โลหะภัณฑ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากผ่านการสอบประเมินและปฏิบัติตามเงื่อนไขการเทรดแล้ว นักเทรดจะได้รับโอกาสให้เทรดเงินทุนของ Fidelcrest โดยจำนวนเงินทุนเริ่มต้นที่ $10,000 และสูงสุด $2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Topstep

Topstep คือบริษัทเทรดระดับสากลที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ บริษัทนี้ให้บริการทางการเงินมาตั้งแต่ปี 2021 และให้บริการข้อกำหนดการเทรดที่พิเศษให้แก่ลูกค้าจากหลายประเทศ Topstep ให้เงินทุนสำหรับการเทรดในบัญชีจริงแก่ลูกค้าที่ผ่านการพิสูจน์ทักษะการเทรดและการบริหารความเสี่ยงบนบัญชีทดลองแล้ว นักเทรดสามารถเทรดฟิวเจอร์สใน CME Group และคู่สกุลเงิน การเทรดในบัญชีจริงจะดำเนินการผ่านบัญชี ECN คือ Equiti Capital

คำถามที่พบบ่อย

นักเทรดกองทุนทำกำไรได้ไหม?

นักเทรดกองทุน (Prop traders) ควบคุมรายได้ของคุณโดยสมบูรณ์ แต่รายได้จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการแบ่งสรรกำไรของบริษัทกองทุนที่เลือก ดังนั้น ใครก็สามารถเป็นนักเทรดกองทุนที่ทำกำไรได้ เพราะความสามารถในการทำกำไรจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และทักษะ กลยุทธ์ และความสามารถในการทำกำไรจากการเทรดด้วยเงินทุนของบริษัท

การทำงานกับบริษัทกองทุนคุ้มหรือไม่?

การเทรดกับบริษัทกองทุนนั้นคุ้มค่า เพราะมีความพิเศษหลายประการ เช่น การเข้าถึงซอฟต์แวร์และข้อมูลที่มีความพิเศษ การเทรดด้วยเงินทุนของบริษัท และรับเงินรายได้จำนวนมากจากกำไรที่คุณทำได้

อัตราความสำเร็จของบริษัทกองทุนคือเท่าไร?

ถ้าคุณเลือกบริษัทกองทุนที่เหมาะสม อัตราความสำเร็จของบริษัทกองทุนอาจสูงถึง 100% แต่เนื่องจากบริษัทกองทุนไม่มีการกำกับดูแลและใบอนุญาต คุณจะต้องใช้วิจารณญาณและการไตร่ตรองเป็นอย่างดีเพื่อเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ และเหมาะกับแนวทางและกลยุทธ์การเทรดของคุณ

อัตราความล้มเหลวของนักเทรดกองทุนคือเท่าไร?

สถิติชี้ว่า 11-25% ของนักเทรดทั้งหมดเทรดได้กำไร อย่างไรก็ตาม คุณควรเริ่มจากการเทรดในบัญชีทดลองก่อนเสมอและค่อย ๆ ขัดเกลากลยุทธ์การเทรดของคุณอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริง เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด

อภิธานศัพท์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

  • 1 ทำกำไร

    คำสั่ง Take-Profit คือคำสั่งการซื้อขายประเภทหนึ่งที่สั่งให้นายหน้าปิดสถานะเมื่อตลาดถึงระดับกำไรที่ระบุ

  • 2 พิเศษ

    Xetra เป็นระบบการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เยอรมันที่ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตดำเนินการ Deutsche Börse เป็นบริษัทแม่ของตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต

  • 3 CFD

    CFD เป็นสัญญาระหว่างนักลงทุน/ผู้ค้าและผู้ขายที่แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อขายจะต้องจ่ายส่วนต่างราคาระหว่างมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์และมูลค่า ณ เวลาที่ทำสัญญากับผู้ขาย

  • 4 การกระจายความเสี่ยง

    การกระจายความเสี่ยงเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ อุตสาหกรรม และภูมิภาคต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม

  • 5 ดัชนี

    ดัชนีในการซื้อขายคือการวัดผลการดำเนินงานของกลุ่มหุ้น ซึ่งอาจรวมถึงสินทรัพย์และหลักทรัพย์ในกลุ่มนั้นด้วย

ทีมงานที่จัดทำบทความนี้

Oleg Tkachenko
ผู้เขียนและผู้เชี่ยวชาญของ Traders Union

Oleg Tkachenko เป็นนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์และผู้จัดการความเสี่ยง ผู้ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานในสถาบันการเงินอย่างแท้จริงมานานกว่า 7 ปี Oleg เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ตลาดหุ้น และตลาดการลงทุนที่ไม่เข้ามาตรฐาน (สกุลเงินดิจิทัล, HYPES, P2P Lending) เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากสถาบัน Ukrainian Academy of Banking of the National Bank of Ukraine, Kharkiv Banking Institute เขาเริ่มงานเป็นผู้เขียนของ Traders Union ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 และในปี ค.ศ. 2020 เขาได้เข้าร่วมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของ Traders Union

Oleg มีส่วนร่วมใน Traders Union ในการวิเคราะห์บริษัทโบรกเกอร์ต่าง ๆ และเฝ้าตรวจสอบความเกี่ยวเนื่องของข้อมูลนั้นๆ เขาสามารถวิเคราะห์กลยุทธ์และตัวชี้วัดในการเทรด และจัดเตรียมบทความให้ความรู้ในหัวข้อการเงิน นอกจากนี้ Oleg ยังเป็นนักวิจัยที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้น รวมถึงตลาดไบนารีอ็อปชันและตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เขาตรวจสอบบริษัทโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผลการดำเนินงาน การเติบโตของธุรกิจ และทดลองใช้บริการใหม่ ๆ ที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์เหล่านั้น เช่น ซอฟต์แวร์ ระดับการให้บริการของฝ่ายสนับสนุนลูกค้า เป็นต้น

Oleg มีคติประจำใจว่า “ข้อมูล คือ พลังอำนาจ ซึ่งจะมอบโอกาสได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ต้องมาพร้อมกับความเกี่ยวเนื่องกัน”

Kate Stoytschew
บรรณาธิการภาคภาษาไทย

เคท สโตยเชฟ เป็นบรรณาธิการคนไทยที่ Traders Union เธอเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ความหลงรักในภาษาพาเธอมาพบกับอาชีพเสริมในฐานะนักแปลภาษาไทยและอังกฤษ จนผันตัวมาเป็นงานหลักที่เธอชื่นชอบ “ฉันสนใจในเรื่องการเงินและการลงทุนมาโดยตลอด ส่วนใหญ่จึงมักแปลงานหรือเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเงิน การเทรดสัญญา CFDs และคริปโต” นอกจากความชอบในภาษาต่างประเทศแล้ว เธอยังสนใจในเรื่องประเด็นสังคมและการเมืองอีกด้วย เธอชอบใช้เวลาว่างกับครอบครัว ปรุงอาหารอร่อย ๆ และพยายามฝึกทักษะภาษาเยอรมัน

Mirjan Hipolito
ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตและหุ้น

Mirjan Hipolito เป็นนักเขียนและบรรณาธิการข่าวที่ Traders Union เธอเป็นนักเเขียนที่เชี่ยวชาญเรื่องคริปโต มีประสบการณ์มากกว่าห้าปีในตลาดการเงิน เธอมีความชำนาญในการเขียนข่าวสารตลาดรายวัน การคาดการณ์ราคา และเรื่องการระดมทุนเพื่อเสนอขายเหรียญดิจิทัลใหม่ (ICO)